ทันทีที่ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่อยู่ใต้ฝ่ามือ
ผมรีบสะบัดออก พร้อมความโมโหที่ปะทุขึ้นมา "ทำอะไรน่ะยูริ!?"
"โน่เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่า" แต่ยูริไม่ตอบ
ซํ้ายังถามยํ้าอีก เธอดึงมือผมให้จับหน้าอกอีกครั้งอย่างแรง คราวนี้นิ้วเล็ก ๆ ของยูริกดมือผมให้ขยำลงไป
ทำเอาโกรธจัดจนตัวสั่น "ยูเห็นผู้ชายเราเป็นยังไง"
"บ้ากาม!" เธอตะโกนใส่หน้าพร้อมขยับเข้ามาอย่างท้าทาย
ผมไม่เคยรู้ว่ายูริจะเป็นคนแบบนี้มาก่อน "ผมผิดหวังในตัวยูมาก"
ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำนี้แล้วจริง ๆ มือข้างหนึ่งที่ว่างของผมผลักยูริให้ถอยห่าง
ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นฝั่งเพื่อกลับห้อง.. ตอนนี้ผมรู้สึกโมโหจนตัวสั่นเลยจริง
ๆ เท้าสองข้างของผมเดินดุ่ม ๆ ขึ้นชายหาดโดยไม่ลืมคว้าเอาผ้าขนหนูมาคลุมหัว เพราะไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ตอนนี้
แต่เสียงฝีเท้าที่วิ่งไล่ตามมาจากด้านหลังไม่ยอมปล่อยผมให้ทันตั้งตัว เมื่อมี211
นํ้าหนักขนาด 45 กิโลกรัมกระโดดขึ้นขี่หลังผมทันที
"ทำอะไรน่ะยู!!!!" คือยูริครับที่วิ่งมากระโดดขี่หลังผมทั้งที่เราเพิ่งทะเลาะกันไปเมื่อกี้
"รักโน่ที่สุดเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
เสียงยูริตะโกนคำนั้นข้างหูพร้อมล็อคคอผมเข้าไปกอดแน่น ตอนนี้ผมงงไปหมด
คิดอะไรไม่ทันแล้ว "อะไรน่ะ!?" "ยูยังคิดอยู่เลยว่าถ้าเมื่อกี้โน่ปลํ้าจริง ยูจะร้องให้คนช่วยยังไง แถวนี้มีแต่ฝรั่ง"
แต่เธอไม่สนใจตอบคำถามผม ยังคงพูดต่อพลางหัวเราะคิกคัก ซึ่งนั่นทำให้ความโกรธที่ผมมีทั้งหมดหายวับไปเกือบสิ้น
"ลองใจเหรอ!" ผมตวาดพลางแกล้งยกตัวยูริที่ขี่หลังอยู่ให้กระดกสูง
ๆ เธอส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างชอบใจ "นิดหน่อยเองงงงงงงงงงงงงงงงง"
แขนเล็ก ๆ รัดคอผมแน่นเข้าไปอีกสงสัยเพราะกลัวหล่น ทำให้เมื่อกี้ถึงผมจะโกรธ
แต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ "ไม่ใช่ผม ยูแย่ไปแล้วรู้รึเปล่า
วันหลังห้ามลองใจใครแบบนั้น เข้าใจมั้ย" แต่ยังไงก็ต้องเตือนไว้ล่ะ
เพราะเล่นอะไรไม่เข้าท่าจริง ๆ ผู้หญิงคนนี้ ยูริยังคงส่งเสียงดังหัวเราะร่าไม่มีทีท่าจะหยุด
"ดีใจจังได้เป็นแฟนโน่~~~~" เธอว่างั้นพร้อมซบหัวตัวเองลงมาชนกับหัวผม...
เอ๊ะ... ตกลงผมเป็นแฟนยูริจริง ๆ ใช่ไหม!?
"นี่โน่!!" "หืม?"
เราเกือบจะเดินถึงรีสอร์ทกันอยู่แล้ว "ทำไมไม่เคยบอกคนอื่นเลยล่ะว่าจริง
ๆ แล้วโน่ไม่ใช่แฟนยู" อ๋อ... สรุปว่ายูริก็ยังจำเรื่องนี้ได้
มหัศจรรย์จริง ๆ "ก็ยูริพูดว่าเป็นไปแล้วนี่... จะให้ผมปฏิเสธได้ยังไง" 212
"ยูขี้โกงเนอะ..." "ช่ายยยยย" ผมตอบทันที แล้วก็โดนยูริตีหลังให้ทันทีเหมือนกัน
อ้าวเฮ้ย!? ผิดตรงไหนวะ!? "ไม่รักษานํ้าใจเลยนะ!
นี่.... แล้วผู้หญิงที่ชอบจะไม่เข้าใจผิดเหรอ ไม่ปฏิเสธอย่างนี้"
อืม.. คิดแบบนี้ก็เป็นนี่ยูริ... เฮ้อ.. ปลื้ม "ไม่มีหรอก..
ช่างเหอะ" ผมตอบพลางคิดว่าจริง ๆ แล้วที่ผ่านมา
นอกจากผมจะไม่ปฏิเสธยูริเพราะไม่อยากให้เธอเสียหน้าแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งคงเป็นเพราะถ้ามีแฟนไว้กันท่าบ้างสักคนคงจะดี
ชีวิตอาจสงบสุขมากกว่าตอนนั้น ครั้งที่พวกผมไปเล่นดนตรีให้งานโรงเรียนที่คอนแวนต์กันแล้วหอประชุมเกือบพัง
ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ดีใจนะที่สาว ๆ ชอบวงพวกเรากันขนาดนั้น แต่พอหลังจากงานจบแล้วมีโทรศัพท์สายแปลก
ๆ โทรเข้ามาทุกวันเนี่ย... ผมเริ่มไม่แน่ใจ "ยูคิดแล้วว่าโน่ต้องเป็นสุภาพบุรุษ.. ไม่มีทางหักหน้ายูแน่นอน....
ดีนะ ยูชิงพูดคนแรก ถ้าคนอื่นพูดก่อนแล้วโน่ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน ยูคงเสียใจตายเลย"
เออ สรุปว่าสุดท้ายผมกลายเป็นสินค้าในกระบะลดราคาไป.. ใครเร็วใครได้ ผมขำพลางคิดว่าจริง ๆ แล้วที่ผมไม่ปฏิเสธยูริก็เพราะยูริเป็นผู้หญิงนิสัยดีมากคนหนึ่ง
ไม่เสียหายอะไรที่จะคบเธอไว้เป็นเพื่อน ลองถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่น่ารำคาญมากกว่านี้สิ
ผมคงพูดจาแรง ๆ ต่อว่าเธอตั้งแต่วันแรกที่ปล่อยข่าวแล้ว เราสองคนเดินเรื่อยมาจนถึงบริเวณที่ล้างขา
ผมปล่อยให้ยูริลงจากหลังเพื่อล้างทรายออก "โน่......."
"ว่าไง?" 213
"ถ้ามีคนที่ชอบเมื่อไหร่บอกยูนะ.. จะช่วย"
อยู่ดี ๆ เธอก็พูดประโยคนี้ขึ้นมาโดยไม่มองหน้าผม.. ผมดูยูริที่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจล้างขาแล้วก็ยิ้มออกมาแผ่ว ๆ "จริงเร้อ..." "จริงสิ... ตอนแรกนึกว่าโมเมเป็นแฟนโน่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวโน่คงจะรักยูไปเอง"
โอ้โห... ตรรกะนี้ก็คิดไปได้นะยูริ ผมล่ะอดขำในความคิดบ๊อง
ๆ ของเธอไม่ได้ "อย่าขำสิ... แต่เห็นแล้วว่าผ่านมาก็นานโน่ยังดูไม่รู้สึกอะไรกับยูอยู่เลย
เลยทำใจแล้วแหละว่าคงไม่มีวัน" เธอพูดต่อพลางช่วยล้างขาให้ผมแล้วจัดแจงปิดฝักบัว
รอยยิ้มนั้นยังคงสดใสเหมือนเคย "อยากเห็นหน้าคนที่โน่ชอบเร็ว
ๆ จัง.. ต้องพามาให้ยูดูคนแรกนะ" ผมมองรอยยิ้มของยูริที่ส่งมาอย่างเปี่ยมล้นด้วยความรัก
พลันรู้สึกจุกในอกอย่างประหลาด.. ทำไมผมถึงไม่ชอบยูรินะ ทั้งที่เธอดีกับผมขนาดนี้
ส่วนคนที่ผมชอบน่ะเหรอ... หน้าของปุณณ์ลอยมาเป็นคนแรก ทั้งที่ผมยังไม่รู้เลยว่าลึก
ๆ แล้ว ความรู้สึกที่ผมมีต่อปุณณ์คืออะไร... ผมไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนั้นคือความรัก
แต่ผมเป็นห่วงมันมาก และทุกครั้งขอแค่มีปุณณ์อยู่ข้าง ๆ ผมก็ไม่เคยต้องการสิ่งใด
"โน่......" เสียงยูริเรียกผมอีกครั้งหลังจากปิดนํ้าฝักบัวเรียบร้อยแล้ว
เรายังคงยืนตรงที่ล้างขากันอยู่ "มีอะไรครับ? ไม่รีบเข้าห้องอะ หนาวนะ" 214
"จูบยูหน่อยได้ไหม"
"..................................." ดวงตากลมสีดำใสแจ๋วนั้นมองมาทางผมเหมือนอยากจะขอร้อง
แต่.. "มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นหรอกยู.. มีแต่แย่ลง เชื่อผมสิ" ยูริแค่นหัวเราะออกมานิดหน่อยเท่านั้น
หลังจากได้ฟังคำตอบจากปากผม "ว่าแล้ว...... งั้นแค่กอดก็ได้... นะ.... นิดนึง"
ผมอมยิ้มบาง ๆ กับคำต่อรองนั้น ก่อนจะยื่นแขนไปโอบเธอให้เข้ามาใกล้หลวม
ๆ "ไปหาคนดี ๆ รักดีกว่าน่า...." "นี่แหละดีที่สุดแล้ว" เสียงยูริอู้อี้ตอบกลับมา
พลางกระชับกอดผมแน่นบ้าง บางครั้งผมก็เกลียดตัวเองที่รักยูริไม่ได้จริง ๆ
*** จวบจนจบวัน ผมรู้สึกว่าเป็นวันที่เหนื่อยโคตร ๆ เลยว่ะ...
ตอนเย็นพอเอมเริ่มเดินได้คล่องหน่อย พวกเราก็ขับรถพากันไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในตัวเมืองจนอิ่มแปล้
กลับถึงรีสอร์ทเหลือแต่แรงอาบนํ้าก่อนจะหงายตัวนอนสลบเหมือดบนเตียงอย่างกะคนหมดแรง
"เหนื่อยยยยยยยยว่ะ" ให้พูดคำอื่นพูดไม่เป็นแล้วครับ
215
ปุณณ์ที่กําลังจัดของอะไรซักอย่างอยู่
หันมาหัวเราะหึหึใส่ผม
"มึงขับรถเหรอ" "เอออออออ ไอ้คนเหนื่อยกว่า"
แม่งแค่นี้ทำข่ม.. กูแค่หายใจก็เหนื่อยแล้วเหอะ
ผมว่าประชดมันพลางเขยิบตัวขึ้นนอนดีดี แล้วหันหน้าออกไปทางอื่น แว่วเสียงมันสาวเท้าเข้ามาข้างเตียง
"จะนอนแล้วเหรอวะ" "อืม.."
"งั้นปิดไฟ" โดยไม่รอคำตอบ ปุณณ์จัดแจงดับไฟห้องทันที
ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่าปุณณ์อยู่บนเตียงแล้วคือแสงจากดวงจันทร์และความรู้สึกว่าที่นอนยวบลงไปเท่านั้น
"อย่าลืมไหว้พระอะมึง" ผมเตือนมัน โดยไม่ลืมพลิกตัวมองว่าได้ทำตามจริงรึเปล่า
ภาพที่เห็นคือเงาของไอ้ปุณณ์ล้มลงนั่งก่อนจะไหว้หมอนตามคำบอกแต่โดยดี มันก้มลงกราบพระสามครั้งแล้วล้มตัวนอนข้าง
ๆ ผม ผมเหลือบมองคนข้าง ๆ ผ่านแสงสลัวของดวงจันทร์ ก็เห็นปุณณ์กําลังนอนก่ายหน้าผากอยู่
"เป็นไรวะ มีเรื่องไรรึเปล่า" ลองใครมานอนท่านี้เป็นอันมีเรื่องทุกรายสิน่า
"ไม่รู้ว่ะ..." ปุณณ์ตอบ ทั้งที่มือยังคงก่ายหน้าผาก
ก่อนที่เราจะเงียบงันในความมืด..
"................................." "วันนี้กูเห็น..........."
หลังจากนอนเงียบอยู่พักหนึ่งจนผมเกือบหลับ อยู่ดี ๆ ปุณณ์ก็พูดคำนี้ขึ้นมา
ทำเอาสะดุ้งโหยง ผมรีบกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ความง่วง "เห็นไรวะ
เห็นหมำรึเปล่า" แน่นอนว่ามันปล่อยฝ่ามือพิฆาตลงกลางหัวผม
216
"เดี๋ยวกูท้าดมเลย ไอ้ห่านี่.... วันนี้กูเห็นมึง....
กอดกับยูริ ด้วย" ปุณณ์กระท่อนกระแท่นตอบเรื่องที่ผมทำจริงเมื่อเย็น..
อืมมม... ตาไวดีแฮะ แล้วผมควรตอบกลับไปว่าอะไรดี..
"หึงรึไง" ตัดใจแซวไปอย่างนั้นทั้งที่รู้สึกเจ็บในใจอย่างประหลาด..
มันเป็นความรู้สึกเจ็บหนืด ๆ เหมือนเวลาเราพยายามทำเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องตลก
อย่างไงอย่างงั้น แว่วเสียงปุณณ์ถอนหายใจให้ผมฟัง "ทุเรศเนอะ..."
มันเงียบไปก่อนจะพูดต่อ "กูไม่มีสิทธิ์เลยแท้
ๆ" ผมที่ฟังคำเหล่านั้นก็ได้แต่เงียบ... ไม่อยากยอมรับเลยว่าวันนี้ที่เห็นปุณณ์อุ้มเอมไปก็รู้สึกปั่นป่วนในท้องไม่แพ้กัน
เราสองคนนอนฟังเสียงทะเลซัดชายหาดดังแผ่ว ๆ เช่นเดียวกับภายในจิตใจ ที่เหมือนมีกําปั้นใครยื่นเข้ามาทุบหัวใจให้มันเจ็บซํ้า
ๆ.. "มึงรักเอมปะ..." อยู่ดี
ๆ ผมก็ถามคำนี้ขึ้นมา จะด้วยเหตุใดก็ไม่ทราบได้ ผมทอดสายตามองด้านข้างของปุณณ์ที่ส่งสีหน้าลำบากใจ
"กูยังไม่รู้เลยว่ารักคืออะไร.. แต่กูเป็นห่วงเค้า
แล้วก็.. เต็มใจที่จะคอยดูแล" "มึงก็คงรักนั่นแหละ" คำตอบของปุณณ์ชัดเจน แต่สมองผมกลับว่างเปล่าจนต้องหลับตาในความมืด
"โน่............"
"......................" แต่ถึงแม้ผมจะไม่ได้ขานรับ ปุณณ์ก็คงรู้ดีว่าฟังอยู่
เสียงทุ้มนั้นจึงพูดต่อ "แต่กับมึง..... ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเอมเลยนะเว้ย" 217
พูดทำไมวะ.. "พูดทำไมวะ" ผมถามออกไปพร้อมความรู้สึกจุกถึงคอหอย..
มีคำหลายคำยังคงอัดแน่นอยู่ข้างใน เรียกร้องให้ผมรีบบอก.. แต่สุดท้ายก็ต้องเก็บมัน ไม่ให้หลุดจากปากผมที่เฝ้าบอกตัวเองซํ้า ๆ ว่าเราอย่าพูดอะไรที่ทำให้ปุณณ์ลำบากใจ
เราสองคนนิ่งเงียบ ก่อนปุณณ์จะตัดสินใจรวบตัวผมเข้าไปกอด.. ผมตอบรับอ้อมแขนนั้นด้วยอ้อมแขนของตนเองกลับ
เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่ยังเหลือ เอาไว้ยํ้าว่ายังมีเราสองคนอยู่ข้าง ๆ กัน...
แม้ความสัมพันธ์จะกลับกลายเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ได้กอดกันอย่างนี้
ผมก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจ "โน่....... กูขอโทษ" ปุณณ์กอดผมแน่นพลางกดจูบลงบนขมับ
"กูอยากจะห้ามตัวเองให้ได้มากกว่านี้ แต่กู......"
เสียงนั้นหายไปพร้อมกับอ้อมแขนที่สั่นเทา จนผมต้องถอนตัวเองออก เพื่อยกศีรษะมองใบหน้าคมที่ถูกพาดผ่านโดยแสงจันทร์
เรามองกันอยู่นิ่ง ราวกับต้องการให้ดวงตาสองคู่นี้เป็นตัวแทนบอกทุกอย่าง..
"กูก็ทำไม่ได้เหมือนกัน..." เป็นผมเองที่พูดคำนั้นก่อนจะมอบริมฝีปากให้ปุณณ์อย่างแผ่วเบา..
สำหรับผม.. ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีคำจำกัดความใดเลยก็ได้
ผมแค่อยากให้เราอยู่ข้าง ๆ กันนาน ๆ ผมต้องการแค่นั้นเอง.. 218
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น