ช่วงนี้ที่โรงเรียนผมยุ่งมากครับ
มันมีคำไหนจำกัดความว่ายุ่งมาก ๆ ได้ยิ่งกว่าคำว่า "ยุ่งมาก"
อีกปะ? เออ ถ้ามีฝากบอกผมด้วย ผมจะได้ใช้คำนั้น...
คือผมยุ่งจริง ๆ ตั้งแต่ตอนหนึ่งถึงยี่สิบ ทุกคนอาจจะไม่รู้สึกเลยใช่ไหมครับว่าผมเป็นประธานชมรมดนตรีจริง
ๆ... เออ ผมก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่ามีเวลาเจียดไปทำเรื่องไร้สาระขนาดนั้นด้วย
ทั้งที่อีกไม่กี่อาทิตย์พวกเราทุกคนจะเดินทางไปถึงงานบอลอยู่แล้ว โดยปกติถึงผมจะเป็นประธานชมรม
แต่ในฐานะสมาชิก ผมเคยอยู่ในตำแหน่ง live band มาก่อน ผมไม่เคยอยู่
marching band เลย ถึงแม้จะพอมีความรู้อยู่บ้างก็เถอะ แต่ไอ้การที่อยู่ดี
ๆ จะให้มาจับงานพวกนี้เต็มตัวทันที ก็ทำเอาผมประสาทเสียได้เหมือนกัน ต้องวิ่งโร่ให้รุ่นพี่ม.หกกับศิษย์เก่าช่วยเหลือซะให้วุ่น ตารางการซ้อมของพวกเรามหาโหดครับ เช้าน้อง
ๆ จะเริ่มมาซ้อมตั้งแต่เจ็ดโมง กลางวันก็หอบข้าวไปกินในห้องชมรมกัน ส่วนเย็นก็ต้องอยู่โยงกันถึงเกือบทุ่ม
(สองสามทุ่มก็มี) ตารางตอนเช้าผมไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่
นอกจากเข้าไปดูแลน้อง ๆ ตอนเล่นเพลงชาติหน้าเสาธง ตอนกลางวันผมก็ไม่ค่อยมีส่วนร่วมเท่าไหร่
(วันก่อนยังหนีไปเล่นอูโน่อยู่เลย) เพราะเป็นความรับผิดชอบของไอ้ฟิล์ม
ส่วนตอนเย็น.... อันนี้จำเป็นต้องเข้าไปครับ ผมเป็นเหมือนขวัญกําลังใจ
ฮ่า ๆๆ (ก็ว่าไป...) ช่วงนี้ห้องชมรมเราดูวุ่นวายมากครับ
เสียงดนตรีอะไรต่อมิอะไรตีกันเต็มไปหมด (มันจะเป็นเพลงได้ไหมเนี่ย)
สลับกับเสียงพวกผมตะโกนดุน้องเป็นระยะ ๆ เวลาที่เล่นเพลงไม่ได้ดั่งใจ...
คือจะหาว่าใจร้ายก็ยอมอะครับ เพราะเราอยากให้ทุกอย่างออกมาเพอร์เฟคที่สุดในวันจริง
จะได้ไม่ขายหน้าอีก 3 โรงเรียนที่เหลือ และผมมั่นใจว่า น้อง ๆ
ทุกคนเข้าใจ (หรือถ้ายังไม่เข้าใจตอนนี้ อีกซักสองสามปีก็จะเข้าใจ)
"พี่โน่!!!!!!!!!! มันมาแล้วอะ ทำไงดี!!!"
เฮ้ย! กูยังไม่ทันจะอธิบายอะไรให้คนอ่านรู้เรื่อง
พวกมึงโวยวายกัน140
ทำไมวะ!!!! เชื่อปะว่าผมไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร
แม่งต้องเป็นไอ้เป้อกับไอ้น็อต มือวางอันดับหนึ่งในการทำลายกําแพงตึกเรียนเราด้วยเสียงโวยวายของมันตลอดเวลา
ผมคิดพลางเหล่มองกําแพงตึกฟ.ที่เริ่มจะมีรอยปูนแตกหน่อย ๆ
"อะไรของพวกมึง.." ผมปั้นหน้าเหวี่ยงพลางเดินไปหาพวกมัน
หลังจากที่บอกให้น้อง ๆ ในห้องชมรมซ้อมกันต่อ ไม่ต้องสนใจ.. ภาพตรงหน้าผมคือไอ้ลูกหมาสองตัวยืนหอบแดกอยู่ตรงกรอบประตูเข้าห้องเหมือนคนเพิ่งหนีตำรวจมา
"พี่โน่.... ร้านเฮียปุ้ยเค้า.....
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก.." ผมล่ะสมเพชความพยายามในการอยากพูดของไอ้น็อตจริง
ๆ มันพยายามโงหัวมาพูดแล้วก็ต้องลงไปนั่งหอบกับพื้นต่อ ตาไอ้เป้อบ้าง
"เฮียปุ้ยเค้า.... แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก..."
ไอ้สัดนี่พูดได้สั้นกว่าไอ้น็อตอีก -_-"... แล้ววันนี้กูจะรู้เรื่องไหมเนี่ยยยยย!!!!!!!!!!!!! "โดนเฮียปุ้ยไล่ตุ๋ยตูดมารึไง!! กูขอสั่งให้มึงกลับไปพลีกาย
แลกกับค่ากลองสองหมื่น เดี๋ยวนี้!!" ผมแค่ตั้งใจจะพูดกับมันขำ
ๆ แต่ไม่นึกว่าไอ้เป้อกับไอ้น็อตจะอยู่ดี ๆ ยกมือขึ้นมาชี้แบบคุณลุงปัญญาพร้อมกัน
"นะ... นั่นแหละ.. พี่!...
เฮียปุ้ยเอากลองชุดใหม่มาส่งตรงตึก 2003" เช็ดแม่!!!!!! ซวยชิบหายแล้วไงกู!!!!!! โอ่ย.... อยากจะเป็นลม ตอนนี้ผมลงไปนั่งกองรวมกับไอ้เป้อไอ้น็อต
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้วิ่ง เรียบร้อยแล้ว "เอาไงดีพี่ โทรเรียกพี่ดิวเลยมั้ย
เงินเรามีสำรองพอปะ" พี่ดิวอยู่ม.6ครับ เป็นเหรัญญิกของชมรม ภายใต้การดูแลของมิสภัทรพร แต่.......
"ไอ้มีน่ะก็มี แต่ต้องสำรองจ่ายค่าชุดวันงาน ค่าซ่อมอุปกรณ์ที่พวกมึงซ้อมกันจนสึกให้ทันวันงาน
ค่าสวัสดิการของพวกมึง... โอ๊ยย หลายค่าว่ะ แม่งเอ๊ยย ไหนจะลอยกระทง
live contest แล้วยังคริสมาสต์แฟร์อีก.. กูว่ามึงโทรไปเรียกไอ้ง่อยมาให้กูเตะตูดดีกว่า!"
สรุปได้ว่าช่วงนี้ชมรมมีเรื่องต้องใช้เงินเยอะมากครับ!! ผมไปขายตัวพลีชีพดีไหมเนี่ย!! 141
"ผมว่าพี่โทรเรียกพี่ปุณณ์ดีกว่า...
ซี้กันไม่ใช่เหรอพี่" "มึงเลิกพูดว่ามันซี้กับกูซักทีได้ปะ"
แทงใจดำจริง ๆ... "เฮ้ย! ทำไมอะพี่ ทะเลาะกันเหรอ" "ปล่าวววววววววววววววว"
ผมพูดปัด ๆ ความเสือกของไอ้เป้อไปอย่างนั้น พลางคิดถึงที่ปุณณ์เคยบอกว่าจะช่วยจัดการเรื่องเงินชมรมให้
แต่ต้องใช้เวลาอีกซักหน่อย เนื่องจากงบประมาณถูกปิดไปแล้ว... แต่มันก็สัญญากับผมเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่ายังไงก็จะจัดการให้ได้แน่นอน
(เหอะ ๆ.. ไอ้คนเก่งเอ๊ย!) "ไม่อยากรบกวนมันว่ะ.. ตอนนี้มันก็ช่วยอยู่แล้ว...
เป้อ! มึงพากูไปหาเฮียปุ้ยดิ๊ เดี๋ยวกูไปคุยเอง
เค้าคงไม่ใจร้ายกับกูเท่าไหร่หรอก" ผมว่าพลางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วลากไอ้รุ่นน้องหน้าตี๋นี่ให้ลุกตาม
ดูมันงง ๆ ปนขี้เกียจเดินตากแดด แต่ผมไม่สนใจมัน พากูไปเดี๋ยวนี้เลยเมิงงง เราสองคนเดินข้ามไปตึก
2003 ที่เป็นที่ตั้งของฝ่ายธุรการ แน่นอนว่าไม่มีเวลาให้ผมทำใจ เพราะเห็นเฮียปุ้ยกับลูกน้องพากันขนกลองชุดใหญ่มาแต่ไกล
โอ่ย........... ถ้าผมตายในหน้าที่จะมีธงชาติคลุมศพผมกลับบ้านไหมเนี่ย!
"อ้าวน้องโน่! หวัดดี!" เฮียปุ้ยตะโกนทักผมจากระยะร้อยลี้ว่ะครับ.. ส่วนผมที่ยืนหน้าซีดอยู่นี่
ไม่รู้ว่ามองจากระยะร้อยลี้จะสังเกตเห็นรึเปล่า ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้พร้อมกับพยายามฉีกยิ้มให้ดูแหยน้อยที่สุด
"หวะ... หวัดดีฮะ เฮียปุ้ย... สะ.. สบายดีเปล่า" ดูเป็นคำถามโง่
ๆ ใช่ไหมครับ -_-" "บายดีสิวะ! เตรียมงานบอลเป็นไง มึงได้ใส่ชุดหมีสมใจรึยัง ฮ่า ๆๆ" โห.... ถามเรื่องแทงใจผมมาได้นะเฮีย T__T เฮียเขาเป็นศิษย์เก่าครับ รุ่นพี่ผม 6-7 ปีได้ เมื่อตอนสมัยเรียนเขาก็อยู่ชมรมเหมือนกัน
142
"ใส่บ้าอะไรล่ะเฮีย เป็นประธานดนตรีจะให้สะเอ่อะไปอยู่กับแสตนได้ไง
พูดแล้วเศร้าว่ะ" แต่เฮียมันหัวเราะเยาะผมเสียงดังเลยว่ะเฮ้ย!!
มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นนี่หว่าาาา ชุดหมีเป็นชุดสต๊าฟงานบอลครับ
พวกที่ได้ใส่ก็เป็นพวกทีมงานทั้งหลายเช่น พี่เชียร์ สวัสดิการ พัสดุ ดีไซน์เนอร์ เทคนิค
มันเป็นชุดเหมือนชุดช่างไฟ ช่างดับเพลิง อะไรเทือก ๆ นั้นนั่นแหละครับ แต่เป็นสีครีมโทนกากีอ่อน
ๆ (เขาเรียกสีอะไรวะ!?) ซึ่งแม่งโคตรเท่ห์เลยในความคิดผม
ผมใฝ่ฝันอยากจะใส่มากกกกกกกกก (สงสัยผมอยากเป็นนักดับเพลิง)
"เออ กูเห็นมึงเศร้าตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่มึงจะหนีไปทำพัสดุงานบอลแล้วโดนไอ้โอ๊คลากคอกลับมาทำวง
ตอนนั้นกูฮาหน้ามึงชิบหาย ฮ่า ๆๆ" พี่โอ๊คคือประธานชมรมปีที่แล้วครับ
ไม่รู้มันเป็นอะไร รักผมจังเลย ไม่ยอมให้ผมห่างวงไปไหน ต้องลากกกผมมามีส่วนร่วมในงานสำคัญ
ๆ ทุกครั้ง จนพอมันพ้นตำแหน่งแล้ว ก็ยังมาโยนหน้าที่ประธานชมรมคนต่อไปให้ผมอีก...
เวรรกรรมไอ้โน่จริง ๆ "เออดิเฮีย แม่งโคตรดับฝันผมอะ
รู้ปะ การได้ใส่ชุดหมีเป็นความฝันผมเลยนะเฮีย!" "แต่การที่จะได้เห็นวงก้าวหน้า
ไม่น้อยหน้าโรงเรียนไหน ก็เป็นความฝันของเด็กโรงเรียนเรา และชาว band ทุกรุ่นเหมือนกันนะ..." เฮียปุ้ยพูดยิ้ม ๆ เรียกให้ผมยิ้มตาม...
ก็เพราะเหตุผลนี้นี่แหละ ผมถึงได้ยอมมาเป็นประธานชมรมแบบนี้
"ปีนี้ยิ่งใหญ่แน่นอน" ผมว่างั้นแล้วก็โดนเฮียปุ้ยถองศอกกลับ
โทษฐานขี้โม้ใส่รุ่นพี่ ฮ่า ๆๆ แต่ในที่สุด มันก็พูดคำที่ผมกลัวโคตร ๆ จนได้
"ไอ้เชี่ยโน่ มึงอย่ามัวแต่โม้ จ่ายตังมาก่อน สองหมื่นสี่"
เฮือกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก... ทาไงดีวะ!!!!!!!!!!!!!!
"คือ...เฮีย.............."
"มึงอย่าบอกว่าไม่มีตัง........." ไม่ให้พูดคำนี้แล้วจะให้พูดคำไหนล่ะครับ!!!!
143
"งั้น.. ผมไม่มีเงิน" เหมือนกันปะ.. "กวนตีนนะมึง.. ช่วงนี้บราเดอร์ไม่ให้รึไง"
เห็นถามแบบนี้ค่อยชื้นใจหน่อยว่าเฮียปุ้ยอาจจะเข้าใจ.. รึเปล่าวะ ผมเกาหัวกลับ "ก็ประมาณนั้นอะเฮีย ช่วงนี้โรงเรียนปรับภูมิทัศน์เยอะ
ไม่ค่อยจะเจียดเงินมาให้เด็กเลย ขนาดพวกงานบอลยังต้องเข้าพิจงบ แถมควักเงินตัวเองออกอีกหน่อยด้วย"
"บ๊ะ!! โรงเรียนก็สวยอยู่แล้วยังจะทำอะไรอีก
ไปเดินขบวนประท้วงไป" "เออเนี่ยย พวกผมก็ว่าจะเดินประท้วง
จากโรงเรียนเราไปถึงคอนแวนต์ เฮียว่าดีปะ" "เออดี กูไปด้วย...
ไอ้สาดด อย่ามานอกเรื่อง เรื่องเงินไม่มีพี่มีน้องเว่ย!"
โห.... นึกว่าจะรอดแล้วเชียว "คือเฮียยยย ผมให้แน่ ไอ้พวกสภาฯมันสัญญากับผมไว้ว่าจะหามาให้ แต่คงต้องรออีกซักพักอะเฮีย...
ได้ปะ.. นะ ๆๆ" ผมเริ่มเกาะแขนอ้อนเฮียปุ้ยเป็นปลิงแล้วครับ
หวังว่าคงจะน่ารักมากพอ แต่มันดันทำท่าเขี่ยผมออกเหมือนขยะแขยงหวะ ไรว้าา
"พอเลยไอ้โน่ ถ้ามึงเป็นเด็กคอนแวนต์กูจะไม่ขนลุกเลย.. บรื๋ออว์" เฮียปุ้ยว่าพลางทำท่าสั่นเป็นภาพประกอบ
(เห็นแล้วผมก็ขนลุกเหมือนกันครับ) "เออ ไอ้นี่เอาไปก่อนก็ได้
แต่กูขอโอนภายในอาทิตย์นี้ได้ปะ เดี๋ยวเตี่ยกูด่า ชอบเอาของมาปล่อยให้พวกมึง ๆ เนี่ย"
โอ๊ยยยยยยย ผมล่ะอยากจะกระโดดจูบเหม่งเฮียปุ้ยซักทีสองทีสามทีด้วยความดีใจจริง
ๆ เล้ยยยย "โอเคเฮีย!!" *** ปากดีบอกว่าโอเคไปอย่างนั้น..
ทั้งที่โคตรไม่มั่นใจเลยว่าไอ้ปุณณ์จะเอาเงินมาให้ทันอาทิตย์นี้รึเปล่า144
........... เฮ้ออ ปัญหาหนักอกของประธานชมรมจริง
ๆ ผมนั่งแหงนคออยู่บนแสตนหน้าตึกฟ. ทั้งที่บรรยากาศมืดตึ๊ดตื๋อ
เนื่องจากวงเพิ่งซ้อมเสร็จ (ตะโกนด่าน้องจนเสียงแหบเลยด้วยว่ะครับ
แค่ก ๆๆ) แล้วผมก็ขี้เกียจกลับบ้านตอนนี้ด้วย เพราะรถแม่งกําลังติดชิบหาย
(ซึ่งจริง ๆ แล้วถนนเอกมัยบ้านผมก็รถติดตลอดเวลานั่นแหละ) จนสุดท้ายเลยต้องมานั่ง ๆ นอน ๆ บิดรูบิคอยู่หน้าตึกฟ. อย่างไม่รู้จะทำอะไร.. เรื่องของเรื่องคือผมเห็นแสตนเชียร์ยังซ้อมกันไม่เสร็จ
เลยแวะมาดูซักหน่อย.. จริง ๆ ตอนแรกมันก็ไม่ได้ซ้อมตรงนี้หรอกครับ
ผมเห็นพวกมันเพิ่งย้ายมา ไม่รู้มีแผนอะไรใหม่ ๆ เหมือนกัน "เฮ้ยโน่! เด็กวงกลับบ้านแล้วเหรอวะ" เสียงใครวะเรียกผม.. ผมเลิกคิ้วพลางหยุดบิดรูบิค เงยหัวขึ้นมองก็เห็นเป็นหน้าคม
ๆ ของไอ้เอิ้นกําลังหย่อนตูดนั่งลงข้าง ๆ ผม.. เอิ้นมันเป็นประธานเชียร์ปีนี้ครับ
นับว่าเป็นชายไทยตัวใหญ่ใช้ได้ (เพราะต้องปกครองน้อง ๆ หลายร้อย)
ผมชอบมองลักยิ้มตรงแก้มมันครับ น่ารักดี "เออ เพิ่งเลิกเมื่อกี้ เลยแวะมาดูเชียร์ว่าจะเจ๋งแค่ไหน" ผมตอบพลางขยับท่าทาง(จากนั่งเลื้อย)ให้ลุกขึ้นมาคุยกับมันดีดี ได้ยินเสียงมันหัวเราะร่าพอผมพูดจบ
"อะไร... มึงกล้าพูดคำนี้กับกูเลยนะ"
"แหม... นิดหน่อยน่าา ท่านประธาน ฮ่า ๆๆ"
ผมหัวเราะต่อพลางเตะหน้าขามันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ไปด้วย ซึ่งไม่ไกลนัก
ก็เป็นบรรดาน้องแสตนที่กําลังถูกพี่สวัสฯด่าอยู่ สงสัยว่าเมื่อกี้การซ้อมคงจะไม่ได้ดั่งใจ
เอิ้นมองภาพเหล่านั้นพลางพูด "เสียดาย อยากให้โน่มาช่วยทำเชียร์
จะตั้งให้เป็นรองประธานเลย" เอ่อ.... พอเห๊อะ!!! กูอยากเป็นคนธรรมดาบ้างไรบ้าง ไม่เอาตำแหน่งแล้ว
ๆๆ -*- แน่นอนว่าผมส่ายหัวพรืดด "แล้ววงเป็นไงมั่ง
เจ๋งป่ะ เห็นว่าปีนี้เขาขอแรงกลองยาวด้วย" ไอ้เชี่ยเอิ้นป้อนคำถามต่อ
แต่แม่งกวนตีนเหอะ เพราะกลองยาวน่ะ.. คนขอผมคือมัน!
"เออ ไอ้สัด! กูเลยยุ่งชิบหาย กลองใหม่เพิ่งมาส่งไม่มีตังจ่ายด้วยเนี่ย
โคตรเซ็ง" 145
"เฮ้ย! เรื่องใหญ่! เท่าไหร่วะ?" "สองหมื่นกว่า.. ใหญ่พอปะ?" ผมตอบพลางยักคิ้วให้มันกวน ๆ เห็นหน้ามันเหวอไปเลย...
เหอะ ๆ.. เออ ไอ้หน้าแบบนี้น่ะ กูทำมาแล้วตอนเห็นงบชมรมโดนตัดไปสองหมื่น
"โคตรใหญ่... แล้วโรงเรียนไม่ให้ตังเหรอวะ"
พูดแล้วหงุดหงิดดดดดดดดด "กูพิจงบพลาด เงินเลยช้า
ไม่รู้จะมาตอนไหนเนี่ย..." ผมตอบมันเรียบ ๆ พลางคิดถึงหน้าไอ้ปุณณ์ขึ้นมา
"เอาเงินกูไปโปะก่อนมะ.." แต่..
หาาาาาาาาาาาาาาาาาา?? ผมได้ยินอะไรผิดรึเปล่าวะ!?
ตอนนี้ตาผมโตเท่าไข่ห่านแล้วว ผมมองมันตาค้าง แต่ไอ้เอิ้นกลับแค่ยิ้มแปล้ให้ผม...
แบบนี้ยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่เลยว่าผมฟังผิดแน่ ๆ "มึงว่าอะไรนะ? มามี้โป๊ะโกะ?" หรือมันจะพูดถึงผ้าอ้อมเด็กไซส์เอ็ม? สิ่งที่ผมเห็นต่อมาคือไอ้เอิ้นเงยหน้าหัวเราะร่า
ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วฉุดให้ผมยืนตาม ผมยืนบ้างอย่างไม่ค่อยเข้าใจ พลางมองมันที่ทำท่าหันไปบอกเพื่อน
ๆ คนอื่นที่กําลังซ้อมเชียร์ให้น้องอยู่ "เดี๋ยวกูมานะ!!"
ไอ้เด็กสายวิทย์สองสามคนตรงนั้นยกมือขึ้นเป็นเชิงรับรู้
"ตามมา....." อะไรของมึง!?
*** หลังจากเห็นว่าเงินสองหมื่นสี่ถูกโอนไปให้เฮียปุ้ยผ่านทางตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงศรีฯกับตา
ผมก็แทบก้มลงไปกราบกรานไอ้เอิ้นงาม ๆ ที่ปลายรองเท้า 146
"ไอ้เอิ้นนนนนนนน กูขอบคุณอะะะะะะะะะะะ ขอบคุณณณณณณณณ!!!!" คำนี้ถูกผมพูดมาเป็นรอบที่ร้อยกว่า ๆ แล้ว ในขณะที่คนฟังได้แต่หัวเราะรับ
"เฮ้ย! ไม่ต้องไหว้!!" แถมแม่งยังวิ่งหนีมือผมที่ประนมเป็นดอกบัวอีกต่างหาก ทำไมวะ!! นี่กูซาบซึ้งจริง ๆ นะเนี่ย!!! "มึง กูจะรีบคืนให้ทันทีที่เงินมา
กูขอโทษนะเว่ยย ที่รบกวน" "เออ ไม่เป็นไร"
ไอ้เอิ้นโบกมือตอบ "แต่ขอไรอย่างนึงได้ปะ...."
........... อืม.. คำนี้ฟังดูคุ้น ๆ นะ..
ทำไมใครจะช่วยอะไรผมแต่ละทีมันต้องขอมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยวะเนี่ย..
!! "ได้ปะ?" มันถามยํ้าอีก ยิ่งทำเอาผมกล้า
ๆ กลัว ๆ ที่จะตอบ เพราะยังเข็ดจากคราวไอ้ปุณณ์ไม่หาย "อะ...
อะไรอะ... ถ้าช่วยได้จะช่วย.." เห็นมันยิ้มกริ่มแบบนั้นแล้วหัวใจหล่นวูบลงไปอยู่ตาตุ่มเลยว่ะ
"กูอยากให้มึง..............."
"........................." "ให้มึง.........................."
"ไอ้สัด! รีบพูด!" ผู้มีพระคุณผมก็ด่าได้ครับ! "ฮ่า ๆๆ เออ ไม่แกล้งแล้ว..
กูอยากให้มึงแบ่งนํ้าจากวงมาให้กูหน่อยน่ะ ตอนวันงานอะ"
ธ่อออออออ.. แค่นี้เอง แม่งทำท่าซะน่ากลัว พอได้ยินอย่างนั้นผมรีบยิ้มสู้ทันที
"ได้สิวะ แต่นํ้าเด็กวงกูก็แบ่งมาจากสแตนนั่นแหละ มึงบ้าปะ"
ของมึงเองก็มีแท้ ๆ 147
"ไม่ใช่..... หมายความว่า..
วันจริงกูคงเหนื่อยมาก.. มึงช่วยยย.....
ดูแลเรื่องนํ้าท่าให้กูหน่อยได้ปะ กูไม่อยากรบกวนพวกสวัสฯอะ"
หมายความว่าจะให้กูเป็นคนป้อนข้าวป้อนนํ้าส่วนตัวให้มึง ว่างั้น??...
เออ.. ประหลาด ๆ ว่ะ.. ปีอื่น
ๆ เขามีตำแหน่งนี้ปะวะ ฟังดูแปลก แต่ผมก็ตอบตกลงไป เพราะมันไม่ได้เสียหายอะไรนิ่..
ยังไงพอเดินขบวนเสร็จพวกผมก็ว่าง ๆ ชิว ๆ อยู่แล้ว "เออได้ วันจริงจะไปคอยอยู่ด้วย แต่กูไม่มีชุดหมีนะ" ชุดหมี ชุดทีมงานแสตนไงครับ เพราะผมมันต๊อกต๋อย ไม่มีชุดหมีกับเขาหรอก คงได้แต่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดา
T___T "ไม่เป็นไรหรอก มานะ.." แหม่........
ขอเรื่องง่ายกว่าไอ้ปุณณ์ตั้งเยอะ ทำไมกูจะไม่ทำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น