ตอนเช้าเราออกจากบางแสนกันตั้งแต่ตีห้า (เชื่อรึเปล่าว่าเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ผมไม่เค๊ยยย
ไม่เคยกระปรี้กระเปร่าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ขนาดนี้มาก่อน) เรียกว่ามีเวลาเหลือเฟือพอให้ผมกับปุณณ์แวะกินอาหารเช้าข้างทางกัน
แถมยังโชคดีอีกเพราะรถไม่ติดมาก พวกเราจึงมาถึงกรุงเทพกันในเวลาที่น่าพอใจ รถยนต์
Honda Civic สองประตูคันสีดำเมื่อมของปุณณ์จอดเทียบข้างทางแถว ๆ หน้าโรงเรียนผมทันเวลา
8 โมงพอดีเด๊ะ แอบเห็นมิสวันทนาและมาสเซ่อบรรชากําลังดุเด็กม.ต้นที่เอาเสื้อออกนอกกางเกงอยู่พอดี ว่าแล้วก็ต้องรีบยัดชายเสื้อตัวเองเข้ากางเกงมั่งดีกว่า
ไม่อยากโดนด่าแต่เช้า แหะ ๆๆ "มึงเข้าสายไม่เป็นไรเหรอวะ"
ผมยัดชายเสื้อพลางถามไอ้ปุณณ์ที่ยังใส่ชุดไปรเวทอยู่ตรงเบาะคนขับ เนื่องจากเราขับรถตรงจากบางแสนมาถึงโรงเรียนเลย
ไม่มีการแวะบ้านใครก่อนทั้งสิ้น ไอ้ปุณณ์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่งยิ้มให้ผมจาง ๆ
"ไม่เป็นไรหรอก มึงรีบไปเหอะ" "เออ... ขับรถระวังอะ ตอนเช้าตำรวจเยอะ ใบขับขี่ก็ไม่มี
ไอ้เกรียน" 132
"เออ กูหน้าแก่ สบายมาก" เข้าใจประชดตัวเองอีกนะ.. "รู้ก็ดี.."
ผมว่ามันปนขำก่อนจะเอี้ยวตัวไปหยิบกระเป๋าสะพายสีดำบนเบาะหลัง จนกระทั่งหันกลับมา
พบว่าใบหน้าของปุณณ์ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาประชิดหน้าผมในระยะใกล้ ริมฝีปากบางสีอมส้มนั้นหยิบยื่นสัมผัสร้อนแรงให้กับผมเนิ่นนาน
เหมือนจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ.. ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งลูบเส้นผมที่ค่อนข้างยาวกว่าเด็กม.ปลายทั่วไปของปุณณ์ ในขณะที่มันรั้งวงหน้าผมไว้ไม่ให้หนีไปไหน นานจนแทบไม่เหลือลมหายใจ
เมื่อปลายลิ้นของเราทั้งคู่หยอกล้อกันไม่ห่าง จนผมต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหยุดไม่ได้อีกต่อไป
"ปุณณ์...." ผมกระซิบชื่อเจ้าของสัมผัสนั้นทั้งที่ริมฝีปากเรายังชิดกันอยู่
รอจนมันหยุดมามองหน้าผมแล้วจึงค่อย ๆ ผละออก รอยยิ้มที่ผมมอบให้ปุณณ์ คือสิ่งที่ตั้งใจสร้างที่สุดแล้ว
"ไปก่อนนะเว้ย" ผมไม่รู้ว่าเสียงมันที่แว่วมาหลังจากนั้นต้องการบอกอะไร
เพราะผมรู้เพียงว่า.. ประตูรถสีดำคันนั้นถูกปิดลงแล้ว พร้อม ๆ
กับเรื่องของโน่และปุณณ์ ที่จบลงไป.. *** 133
"เห้ยไอ้โน่!!"
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ครับว่าใคร ผมหยุดรอไอ้โอม และรถเก๋ง ที่พากันวิ่งแพ็คคู่กระหืดกระหอบตามกันเข้ามาในโรงเรียน..
เออเว้ย วันไหนกูมาเช้า พวกมึงก็มาเช้า วันไหนกูมาสาย พวกมึงก็มาสาย
สัณชาตญาณดีจริง ๆ "ไงสาด รอดมาสเซ่อมาได้ด้วยเหรอวะ"
"ก็รอดแบบวิ่งหนีมานี่แหละ" ไอ้โอมว่าพลางดึงชายเสื้อนักเรียนออกให้หย่อนยานยิ่งกว่านมคุณยายอายุ
80 ผมเห็นดังนั้นเลยเอามั่ง ก็เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงนาน ๆ แม่งโคตรอึดอัดนี่ครับ!!
"แล้วมึงไปไงมาไง ทำไมไอ้ปุณณ์มาส่ง แล้วมันไปจอดรถตรงไหนเนี่ย"
อะ.. อะไรนะ!!!!!!!?! ผมที่กําลังง่วนกับการดึงชายเสื้อออกจากกางเกงต้องเงยหน้ามองไอ้รถเก๋งเจ้าของคำพูดนั้น
ด้วยนัยน์ตาแทบจะถลนทันที..... มันรู้ได้ไงวะว่าผมมากับไอ้ปุณณ์!!!!!!!!!!!!?
"แม่งไปค้างด้วยกันมาอีกชัวร์ วันดีคืนดีเชี่ยโน่เคยแบกเป้มาโรงเรียนที่ไหน"
ไอ้เชี่ยโอมตัวดีฟันธงซะจนผมแทบสะดุดหัวทิ่มหน้ารูปปั้นคุณพ่อ แม่งเอ๊ย...
เรื่องแบบนี้มึงคิดในใจไม่ต้องพูดเสียงดังก็ด๊ายยยยยย สาดด
"เฮ้ยจริงเด่ะ!? มึงกะไอ้ปุณณ์สนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอวะ
เพิ่งรู้!?" พอ ๆๆ เลิกถามซักที กูมีเรื่องจะถามมึงมากกว่า
"แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูมาพร้อมไอ้ปุณณ์" "ก็กูเห็นรถไอ้ปุณณ์ ซีวิกสองประตูสีดำ ทะเบียน 8899 ติดสติ๊กเกอร์อนุญาตเข้ารัฐสภา
กับจุฬาลงกรณ์ได้" อื้อหือ.... ไอ้ห่านี่มันบรรยายได้เป็นฉาก
ๆ จนผมคิดว่าเจ้าของรถมาได้ยินเองก็คงตกใจ... แม่งรู้ดีขนาดนั้นผมว่ายอมแพ้ไอ้รถเก๋งมันดีกว่า
"เออ กูยอมแพ้ กูมากับไอ้ปุณณ์" พอใจยัง...
เหอะ ๆๆ ผมตอบกลับไปอย่างหัวเสียหน่อย ๆ ที่โดนเห็นเข้าจนได้...
เฮ้ย..... ... โดนเห็นงั้นเหรอ??.... 134
แม่งเห็นอะไรมั่งวะ!!!!!!!!!!!! ผมตาเหลือกมองไอ้รถเก๋งกับไอ้โอมที่เงียบไปแล้ว
เพราะตอนวิ่งเมื่อกี้โอมมันทำสายไอพอดพันกันยุ่งไปหมด ส่วนรถเก๋งก็กําลังกดมือถือเช็คอะไรเรื่อยเปื่อยของมันไป
ไม่มีใครแสดงท่าทีสงสัยอะไรผมสักคน... แต่... เพื่อความแน่ใจ.. "แล้วมึงเห็นไอ้ปุณณ์บนรถปะ"
ผมพยายามเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามอย่างอ้อมโลกที่สุดเท่าที่สมองผมตอนนั้นจะคิดได้
แต่ไอ้โอมกับไอ้รถเก๋งที่กําลังแก้สายไอพอดและเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ ต่างพากันส่ายหัวดิ๊กส่งกลับมา
"จะไปเห็นได้ไง รถแม่งฟิล์มดำยังกะทาสีดำไปถึงกระจก กูรู้เพราะกูจำทะเบียนกับสติ๊กเกอร์มันได้หรอก"
เออ ค่อยยังชั่ว.... เกือบไปแล้วไหมล่ะกู....
"ทำไม เมื่อกี้มึงกะไอ้ปุณณ์เอากันบนรถรึไง" ปากเสียงี้มีไอ้เชี่ยโอมคนเดียวครับ ไอ้ขายเพื่อน... ผมกระทืบเท้ามันทันทีที่แม่งพล่ามเสร็จ "อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!"
"คราวหน้ากูเอารองเท้าหัวปลาวาฬยัดตูดมึงแน่" คำพูดอาฆาตพยาบาทของผมทำไอ้รถเก๋งหัวเราะลั่น.. จริง
ๆ มันหัวเราะตั้งแต่ได้ยินคำว่าผมกับไอ้ปุณณ์เอากันบนรถแล้วแหละครับ (ใครจะไปทำอย่างนั้น!!!! รถมันโหลดตํ่า..........
เฮ้ย!! ไม่ใช่!) "แล้วตกลงทำไงมาไงมึงถึงไปสนิทกับปุณณ์ได้วะ
สองปีก่อนที่กูลากมึงไปงานวันเกิดมัน มึงยังอิดออดจะไม่ไปอยู่เลย" ไอ้รถเก๋งยังคงป้อนคำถามผมต่อระหว่างเดินขึ้นตึกเรียนด้วยกัน ผมชะงักนิดหน่อย
เพราะไม่รู้จะอธิบายสาเหตุไหนให้มันฟังดี "ก็สนิทกันตอนตามเรื่องเงินชมรมนั่นแหละ
มันช่วยอยู่" "เอาตูดเข้าแลก!" หน็อยยย ไอ้เชี่ยโอม! มึงอยากลิ้มรสรองเท้าหัวปลาวาฬสวนทวารมึงจริง
ๆ ใช่มะ ผมหัน135
ซ้ายหันขวามองหารุ่นน้องม.สอง
(กลุ่มผู้โชคร้ายในการโดนสั่งให้ใส่รองเท้าหัวปลาวาฬและเข็มขัดไอ้มดแดงโดยอธิการ)
แต่เมื่อหาไม่เจอจึงยกเอารองเท้าหนังหัวคว้านของผมเองให้มันดูไปพลาง
ๆ ก่อน แน่นอนว่าแม่งวิ่งจู๊ดขึ้นบันไดไปอย่างโคตรเร็วปานได้ยินเสียงคนเคาะจานข้าวเรียกมัน
"ไอ้เชี่ยโอม..." ผมสบถไล่หลังมัน โดยมีเสียงรถเก๋งหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นแบ็คกราวด์
*** จนมาถึงคาบพักกลางวัน หลังจากที่ผมเพิ่งสอบวิชาสังคมศึกษาของบราเดอร์ศักดาเสร็จ
(ด้วยความมึน) ก็ได้เวลาปลดปล่อยอารมณ์กันเล็กน้อย
ตามหลักธรรมเนียมปฏิบัติภายในห้องเรียน โต๊ะเรียนทั้งห้องถูกแหวกออกเป็นรูว่างตรงกลางขนาดใหญ่
เพื่อใช้วางลานประลองของพวกผม.. ซึ่งแน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้เนื้อที่ประมาณหนึ่งเพื่อให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปมาได้สะดวก
แต่ไม่ได้ต่อยกันนะครับ ^^"... เรียนชายล้วนก็จริงแต่ใจอย่างกับปลาซิว...
พวกผมเล่นไอ้นี่กันอยู่.. "มึงแย่แน่ตานี้...
ไอ้เก่ง ตูดหมา" เสียงไอ้พ้งตะโกนแซวไอ้เก่ง
ที่เดินวนไปวนมารอบโต๊ะเป็นรอบที่ 5 หรือไม่ก็ 6 (จนผมล่ะมึนหัวแทนมัน) ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าตัวไม่มีการตอบโต้ใด
ๆ นอกจากเริ่มเดินวนต่อเป็นรอบที่ 6 หรือไม่ก็ 7 เพื่อเล็งหามุมว่าจะดึงบล็อคไม้ตัวไหนออกอย่างไรดี ตึกถึงจะยังไม่ถล่ม..
ใช่ครับ พวกผมเล่นอูโน่กันอยู่ จับวงคลายเครียดกันเป็นสิบคนได้ โชคดีชิบหายที่ตอนโอน้อยออกผมดวงเฮง
ได้หยิบเป็นคนแรกก็เลยสบายไป แต่ตอนนี้ชักจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเข้าขั้นซวยตะหงิด
ๆ เพราะแค่ถัดจากไอ้เก่ง กับ ไอ้คม ก็วนมาถึงตาผมอีกรอบแล้วว 136
จะเอาปัญญาที่ไหนทำให้ไม้ไม่หล่นล่ะเนี่ย!!!! โฮ
ๆๆ.... รีบถล่มตึกซะตั้งแต่ตอนนี้เถอะพวกมึง กูขอร้องงงงงงง
ToT... "ไอ้สัด กูรอจนช้างแอฟฟริกาจะคลอดลูกแล้ว ขอแวะไปทำคลอดให้มันก่อนแล้วค่อยเดินกลับมาดูมึงได้ปะวะ"
เสียงโวยวายจากไอ้รถเก๋งดังอย่างรำคาญความเจนจัดของไอ้ห่าเก่งมัน...
ก็แหม๊.... ทีคนอื่นช้าล่ะแม่งปากดีด่าเอา ๆ แต่พอถึงตาตัวเองเสือกล่อซะจนแทบหมดคาบพักกลางวัน
คนอื่นเขาไม่ต้องเล่นกันพอดี "เออ มึงไปเลย ปั่นจักรยานไปก็พอนะ
กูคงใช้เวลาอีกนาน" "ไอ้ขนตูด มึงจะเอาออกดี ๆ หรือให้กูดีดแม่งล้ม"
"เออ ๆๆๆ ออกแล้ว ๆๆๆๆ" มันว่าพร้อมกับรีบดึงบล็อคไม้อันหนึ่งออก
ทั้งที่แทบไม่ได้เล็งด้วยซํ้า (เพราะไอ้รถเก๋งทำท่าจะเดินไปดีดจริง
ๆ) จนเพื่อน ๆ ทั้งห้องต้องสูดลมหายใจกันเฮือกใหญ่ เนื่องจากลุ้นจัด..
เพราะไอ้ตึกอูโน่มันกําลังเอนไปเอนมาอย่างน่าหวาดเสียวว่าเดี๋ยวคงมีสิทธิ์พังลงมาทั้งแท่งแน่นอน!
"ฟู่! ฟู่! ฟู่!"
เป็นไอ้เชี่ยโอมที่ยืนกวนตีนอยู่ฝั่งตรงข้าม กําลังพยายามเป่าอูโน่ตาไอ้เก่งให้ล้มสมใจอยากมัน
ด้วยวิธีการที่พวกผมมักใช้แกล้งกันประจำ แต่ครั้งนี้ไอ้เก่งเสือกรู้ทัน เพราะมันใช้รองเท้าหนังเบอร์
43 ยันเข้าให้กลางเป้าไอ้โอมก่อนไปถึงฝัน "ไอ้สาดดดดด" แต่ยิ่งพวกนี้ทำเสียงโครมครามมากเท่าไหร่
พื้นห้องก็ยิ่งกระเทือนมากเท่านั้น ตอนนี้อูโน่ไอ้เก่งโยกไปโยกมากอย่างน่าหวาดเสียวขั้นสุดท้าย
"เฮ้ย ๆๆๆ" แล้วมึงจะร้องเสียงหลงทำเชี่ยไร
ได้ข่าวว่ามึงนั่นแหละทำพื้นห้องกระเทือนเอง เชี่ยเก่ง ผมมองบล็อคไม้ทรงสูงที่เอียงไปทางซ้ายที
ขวาที ทำเอาลุ้นไปตาม ๆ กัน ไอ้เก่งก็อ้าปากค้าง อุทิศคอหอยมันให้เป็นที่อยู่อาศัยของแมลงวันประมาณสี่ตัว
ก่อนจะค่อย ๆ หุบปากลงเมื่อแท่งอูโน่เริ่มทรงตัวเองดีขึ้นเรื่อย ๆ... เรื่อย ๆ.... เรื่อย ๆ.... จนกระทั่ง...........
"เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
ถามจริง ตอนมึงหุงข้าวให้แม่กินได้ครั้งแรก มึงดีใจงี้ปะวะ...
137
ผมเหล่ตามองไอ้เชี่ยเก่งที่วิ่งเป็นซุปเปอร์แมนรอบห้องอย่างกับมันเป็นฮีโร่โอลิมปิก (คราวหน้ามึงเพิ่มท่าไหว้สี่ทิศด้วยนะสาด)
แถมยังหันไปยักคิ้วให้ไอ้คม คนที่จะโดนเชือดเป็นรายต่อไปอีก
"ตาย.. แน่... เหี้ย..."
ผมทำปากบอกไอ้คมว่าอย่างนั้น เลยโดนมันโบกหัวหนึ่งฉาดใหญ่ สาดดด...
ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู แต่ระหว่างที่ไอ้คมกําลังถูกวิญญาณอูโน่เข้าสิง
เดินวนรอบโต๊ะเรียนเป็นครั้งที่สามนั้นเอง (กูว่ามึงวนขวาสามรอบอย่างนี้แล้วขึ้นเผาไปเลยดีกว่าว่ะ)
เสียงเรียกจากเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากพักกลางวันก็ดังขึ้น
"โน่!! มีคนมาหา!!" ใครวะ? "รีบไปเลยเมิงงง หน้าเมิงกวนตีน กุไม่มีสมาธิ"
อ้าวไอ้เชี่ยคม ความผิดกูซะงั้น! ผมได้ยินดังนั้นเลยถีบตูดมันซะหนึ่งทีก่อนจะวิ่งไปดูหน้าห้องว่าใครมา
เผื่อว่าเป็นน้อง marching band มีปัญหาอะไรตอนซ้อมรอบกลางวัน
ผมจะได้ช่วยเหลือพวกมันทัน แต่ไอ้คนตรงหน้าผมมันยิ่งใหญ่กว่าน้อง marching
band ทั้งวงอีกว่ะ.............................. เลขานุการสภาฯเนี่ย .. ผมยืนเอ๋อมองหน้าคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อตอนเช้า
ก่อนจะพยายามปั้นยิ้มออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด.. "มีเชี่ยไรวะ
ถ้าจะเรี่ยไรตังค์ ห้องนี้จนหวะ ไม่มีให้" ผมเอาจุดอ่อนของสภานักเรียนช่วงนี้มาล้อไอ้ปุณณ์มัน
เนื่องจากโรงเรียนกําลังมีจุดก่อสร้างปรับปรุงอยู่หลายจุด เป็นสาเหตุให้อธิการพาลมาขูดรีดนักเรียนตาดำ
ๆ อย่างพวกผมเป็นว่าเล่น.. ซึ่งก็ได้ผล... ไอ้ปุณณ์มอบรางวัลให้ผมเป็นหลังมือเขกเข้ากลางกะบาลซะหนึ่งที... อูยยย... เพิ่งจะโดนไอ้คมเขกมาแท้ ๆ 138
"ตังค์อะเอาแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้"
โห... คำตอบมันไม่สร้างสรรค์เลยว่ะ
"แล้วมึงทำข้อสอบได้ปะ" คำถามนี้ก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เหมือนกัน
-_-".... "ได้ทำว่ะ มึงมาถึงโรงเรียนตอนไหนอะ"
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะคุยกับมันแบบปกติ (ทั้งที่จริง
ๆ แล้ว ถือว่าไม่ค่อยปกติ เพราะผมไม่เคยมายืนคุยกับมันหน้าห้องเรียนซักหน่อย)
เห็นปุณณ์ทำหน้าเซ็งทันทีที่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเดินทาง
"เพิ่งถึงเนี่ย เมื่อเช้าเกือบโดนลูกเสือโบก ดีรถแม่งเยอะ กูไม่จอด
เหยียบหนีเลย ฮ่า ๆ" ภูมิใจไหมนั่น ไอ้เกรียน...
ผมเหล่มองมันอย่างกลุ้ม ๆ... ก็กูบอกแล้วว่าอย่าขับรถ..
ผมอ้าปากจะด่าอะไรมันต่ออีกหน่อย แต่ก็ดันสบตาเข้ากับปุณณ์ ที่อยู่ดี
ๆ เปลี่ยนมาเป็นมองผมแบบหงอย ๆ เสียก่อน เรายืนเงียบกันอยู่อย่างนั้นพักนึง ด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี....
ผมรู้สึกว่าตอนนี้.... แค่จะเอื้อมมือไปจับตัวปุณณ์..
ผมยังทำไม่ได้.. "ไอ้เชี่ยโน่!!!!!
มึงซวยแน่ ไอ้คมผ่านแล้ว!!!!" ชิบหาย!!
เสียงนรกของไอ้เก่งลอยมาจากในห้องเล่นเอาผมสะดุ้งเฮือก ต้องหันไปมองมันสุดตัว
"เออ ๆๆ กูไปเดี๋ยวนี้แหละ สาดดด แม่งเก่งกันจังวะ!!!...
เอ่อ ปุณณ์ มีไรอีกปะ?" ผมหันไปตะโกนตอบไอ้เก่งก่อนจะหันมาถามปุณณ์
ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นหัวทุย ๆ ของมันที่ส่ายดิ๊กเหมือนกับคนตั้งตัวไม่ทัน
"ถ้าไม่มีงั้นกูไปเล่นเกมต่อก่อนนะ.. บาย"
ไม่รอฟังอีร้าค่าอีรมอะไรทั้งสิ้น เมื่อผมรีบวิ่งกลับไปยังลานประลองกลางห้องเรียนทันที
139
ให้มันเป็นแบบนี้ก็แล้วกัน..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น