ในที่สุดก็มาถึงวันจริงของงานบอล
ที่วันซ้อมว่าเหนื่อยแล้ว แต่วันจริงเหนื่อยชิบหาย ผมไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องวิ่งวุ่นเรื่องชุด
เรื่องเครื่องดนตรี เรื่องจิปาถะอะไรทั้งหลาย งีบไปหน่อยนึงตอนตีสอง โดนไอ้โอมเตะปลุกตอนตีสองยี่สิบห้า
เพราะฮอร์นมีปัญหา เชี่ยไรวะ วันก่อนก็ซ่อมไปแล้วทำไมยังพังอีก ถึงเวลาทำเรื่องซื้อฮอร์นใหม่ได้แล้วมั้งเนี่ย
สรุปว่าจนถึงตอนนี้ผมเพิ่งได้นอนไปยี่สิบห้านาที และก็สะโหลสะเหลมาถึงสนามศุภฯตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่
แดดตอนเช้าส่องลงมาแรงมากจนน้อง ๆ ในวงโยฯทำท่าจะเป็นลมหลายคน ผมต้องวิ่งวุ่นไปคุ้ยกล่องปฐมพยาบาลซึ่งโชคดีที่เตรียมมา
มาถือไว้ กลายเป็นมือหนึ่งถือวอ (วอล์กกี้ทอล์กกี้) มือหนึ่งถือกล่องปฐม161
พยาบาล แถมยังต้องวิ่งเอาเครื่องดนตรีไปซ่อมเป็นระยะ
ๆ หรือถ้ามีของบางอย่างที่ขาดจริง ๆ ก็ต้องใช้ให้รุ่นน้องที่ว่างอยู่วิ่งไปซื้อจากสยามมาให้
เฮ้อ.. วุ่นวายดีแท้ "เฮ้ย! อย่าเพิ่งเป็นลม
ๆๆ" นั่นไง! ยังไม่ทันขาดคำ..
ผมรีบหันไปประคองน้องเอตำแหน่งคลาริเน็ตที่หน้าไม่เหลือสีเลือดแล้ว พลางคว้าเอาผ้าขนหนูชุบนํ้ามาซับให้มันเพราะดูซีดมาก
แถมนอกจากต้องดูแลน้องในวงแล้ว หูก็ยังต้องคอยฟังและตอบวอจากคนโน้นคนนี้เป็นระยะอีก
ทำเอามึนไปเหมือนกัน "แบงค์เรียกโน่ วงพร้อมยังครับ"
เสียงเรียกชื่อผมดังก้องอยู่ในเฮดโฟนจนสะดุ้ง ต้องรีบกดวอตอบกลับเป็นการใหญ่
"โน่ตอบแบงค์ ก็พร้อมแล้วครับ" "ครับ งั้นตั้งแถวได้เลยครับ" เอาวะ...
สู้ ๆ ผมตบหลังเรียกน้องวงโยฯทั้งหมดให้ลุกขึ้น ก่อนจะวอส่งต่อไปให้ไอ้ฟิล์มที่ตอนนี้เสือกหายหัวไปไหนแล้วไม่รู้
"โน่เรียกฟิล์ม ไปประจำจุดด้วยครับ กําลังจะส่งน้องไปแล้ว"
"ฟิล์มตอบโน่ ครับ กาลังไปครับ" มึงหายไปหลีหญิงมาชัวร์ ๆ ผมส่ายหัวให้ไอ้เพื่อนหน้าม่อ ก่อนจะเดินนำน้องในวงไปยังจุดตั้งแถว
แต่ก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อผมดังเข้ามาในวอซะก่อน "เอิ้นเรียกโน่
อย่าลืมนัดของเรานะ" เอ๊ะ ไอ้ห่านี่... มึงโผล่มาจากไหนวะ?? ผมมองวองง ๆ แต่ก็กดตอบกลับไป
"โน่ตอบเอิ้น เออ รอกูเสร็จก่อนครับ" วอเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะมีคนพูดต่อเข้ามา "อย่าเล่นวอครับ.."
เล่นเอาผมหลุดขำเสียงดังทันทีจนรุ่นน้องแถวนั้นต้องหันมามองด้วยสีหน้างง
ๆ 162
ก็นี่มันเสียงไอ้ปุณณ์นี่หว่าาาา *** เมื่อแถว
marching band ทยอยเดินขบวนลงสนามศุภชลาศัย ผมก็ไม่มีหน้าที่อะไรต้องสะเออะไปเจ๋อแถวนั้นอีก
(เพราะมีไอ้ฟิล์มกับไอ้โอมคุมอยู่แล้ว) แต่หน้าที่ใหม่ของผมคือวิ่งไปใต้แสตนเพื่อขอเช็คภาพจากจอมอนิเตอร์ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนในขบวนบ้าง
แล้ววอบอกไอ้ฟิล์มอีกที ผมเดินกึ่งวิ่งไปใต้แสตนที่มีทั้งฝ่ายเชียร์ เทคนิค ดีไซน์เนอร์
นั่งใส่ชุดหมีปฏิบัติงานกันอยู่ พลางโบกมือไอ้ให้มาร์คฝ่ายดีไซน์ที่วาดผังแก้แสตนใหม่หน้าตาตื่นแต่ก็ยังมีอารมณ์ชูมือทักผม
(ยังมีเวลานะมึง) ตรงใกล้ ๆ กันนั้นเป็นไอ้โมที่วันนี้รับหน้าที่ฝ่ายเทคนิค
ยืนหน้าเครียดคุยกับเหน่งฝ่ายสวัสฯ พร้อมกางแปลนอะไรไม่รู้ในมือ ท่าทางตอนนี้มีแต่คนยุ่งว่ะ
ผมลุกลี้ลุกลนหามอนิเตอร์ที่จะช่วยผมได้ แต่ยืนเคว้งอยู่แค่ไม่นาน น้องแพงม.4
ก็กวักมือเรียกผมยิกทันที "เครื่องนี้พี่!"
ผมยิ้มพลางวิ่งไปนั่งปุลงข้าง ๆ น้อง ภาพที่เห็นในจอคือวงโยฯและขบวนย่อยกองร้อยต่าง
ๆ ที่เดินอยู่ในสนาม อันที่จริงแล้วผมไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่หรอกเพราะมัวแต่คุยกับไอ้แพงเรื่องปังย่าเพลิน
เหอ ๆๆ (ห้ามบอกไอ้ฟิล์มกับไอ้โอมเรื่องนี้เด็ดขาด) แน่นอนว่าผมเห็นหลังไอ้ปุณณ์ใส่ชุดหมีอยู่ไว ๆ แถว ๆ นั้น (มันอยู่ฝ่ายเทคนิคครับ อันนี้ผมก็เพิ่งรู้ตอนเห็นมันใส่ชุดฟอร์มเหมือนกัน)
แต่ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะกําลังยุ่งอยู่ จนน้องแพงที่กําลังคุยกับผม
อยู่ดี ๆ ก็เงียบไป "มีไรฮะพี่ปุณณ์?" หา??? อะไรวะ? พอผมได้ยินน้องแพงพูดอย่างนั้น
ก็ต้องหันกลับไปมองด้านหลังตัวเองทันที กลายเป็นหน้าไอ้ปุณณ์ ภูมิพัฒน์ สะเออะมานั่งยอง
ๆ เจ๋ออยู่ข้างหลังผม ทั้งที่บนหัวมันเองยังมีเฮดโฟนอันเบ้อเร้อครอบอยู่ 163
"ขอนั่งนี่ได้ปะ แลกกัน" มันพูดงั้นกับน้องแพง ผมล่ะแทบอยากตบกะโหลกมัน.. แน่นอนว่าด้วยอำนาจแห่งรุ่นพี่รุ่นน้อง
น้องแพงจึงต้องยอมลุกเปลี่ยนหน้าที่กับไอ้ปุณณ์ ผู้มีอิทธิพลแต่โดยดี.. เหอะ ๆๆๆ... มันยังมีหน้ามายิ้มกว้างพลางถอดเฮดโฟนที่ครอบหัวตัวเองออกส่งให้น้องต่อ
"เอานี่ไปด้วย เอิ้นกําลังสั่งงานอยู่ช่อง 2" แถวบ้านกูเรียกโยนงานปะวะ "แล้วน้องเขาจะทำได้เหรอ?"
ผมกระซิบถามมันแผ่ว ๆ แต่เห็นมันแค่คลี่ยิ้มสบาย ๆ พลางรับเอาเฮดโฟนน้องแพงมาใส่
ตอนนี้มันเลยได้ฟังสัญญาณช่อง 11 เหมือนกันกับผม
"ทำได้สิ ดูถูกทำไมวะ" ปุณณ์พูดพลางกดคอมพิวเตอร์ยุกยิกนิดหน่อยเพื่อเปลี่ยนมุมกล้องให้เห็นแถววงโยฯที่กําลังเดินอยู่ชัดขึ้นไปอีก
พลางหันมายิ้มเผล่ "กูรู้ใจมึงมากกว่า"
"ปากดีนะมึง........" ผมด่ามันอย่างนั้นแต่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นวงชัดขึ้น
ก่อนจะวอไปบอกไอ้ฟิล์มว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนบ้าง ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ในการเดินขบวนทั้งของกองร้อยและวงโยฯเมื่อรุ่นน้องคนสุดท้ายเดินออกจากสนามศุภฯ
ผมถอนหายใจโล่งเฮือกใหญ่ เพราะทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ยกเว้นแต่เสียงฟลุทของไอ้ง่อยที่แหวผิดคีย์
2 ครั้ง น่ากระทืบนัก "เฮ้ออออ"
"วันนี้เสร็จแล้วสิ" ปุณณ์ถามพลางเปลี่ยนหน้าจอเป็นกลับไปที่แสตนเชียร์เหมือนเดิม
แต่ผมตอบไม่ถูก เพราะจะว่าเสร็จแล้วก็เสร็จ แต่จะว่ายังไม่เสร็จ มันก็ไม่ยังเสร็จ
"มีติดค้างไอ้เอิ้นอยู่อีกนิดหน่อยว่ะ" "เออ ที่มันพูดในวอคืออะไรวะ" พอได้โอกาสปุณณ์รีบถามผมทันที
ผมบิดขี้เกียจใส่มัน "ก็ที่มันช่วยค่ากลองให้ชมรมกูไง มันเลยขอกูให้แบ่งนํ้าวงโยฯไปช่วยมันหน้าแสตนหน่อย
เพราะแม่งบ่นว่าไม่มีใครคอยให้นํ้ามันเลย" ผมพูดจบแล้วทำท่าจะลุกขึ้นไปทำอย่างที่บอก
แต่ปุณณ์กลับดึงผมไว้ให้ลงมานั่งต่อ "งั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว"
164
"ทำไมวะ???" ผมขมวดคิ้วมองหน้าปุณณ์ที่ยิ้มกับจอคอมพิวเตอร์เมื่อแสตนเชียร์แปรอักษรเป็นคำกวนตีน
ๆ หราอยู่หน้าจอ แต่ผมคิดว่า หน้าตาไอ้ปุณณ์ตอนนี้กวนตีนกว่า "ก็กู.. คืนเงินให้เอิ้นไปแล้ว แท็คเหล็กด้วย"
มันตอบเร็ว ๆ พลางยกวอขึ้นมาคุยต่อ "มอนิเตอร์เรียกเชียร์ครับ
s-30 ผิด ช่วยดูด้วย" "เห้ย!
มึงพูดไม่เคลียร์!!!" ผมดึงแขนเสื้อมันไปมาจนมันกดคีย์บอร์ดไม่ได้
"กูพูดเคลียร์แล้วววว" แต่ปุณณ์ยังเถียงผมพลางหัวเราะแล้วยื้อแขนไปกดเปลี่ยนมุมกล้องต่อ
"อะไรของมึงวะ คืนเงินแล้ว? โรงเรียนออกเงินให้ชมรมกูแล้วเหรอ?"
"ยัง" "แล้วมึงคืนเงินมันได้ยังไง"
"ไม่บอก...... มอนิเตอร์เรียกเชียร์ครับ
e-14 ครับ" มันเฉไฉไปเรื่อย ไอ้กวนประสาทนี่........
ผมย่นจมูกใส่มัน (ทั้งที่มันไม่ได้มอง)
แล้วยกตูดจะลุกขึ้นต่อทันที "แต่ยังไงก็ต้องไปว่ะ
กูสัญญาไว้แล้ว" รอบที่สองที่มันดึงผมให้นั่งลง ทีงี้ล่ะเร็วนะมึง
"มึงคุมมอนิเตอร์เป็นใช่ปะ" ปุณณ์ถามผมอย่างนั้น
ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเก็ทอะไร "อยากใส่ชุดหมีใช่ปะ"
แต่พอถึงตรงนี้ผมชักไม่ค่อยแน่ใจว่าควรพยักหน้าดีหรือเปล่า แม้ในใจจะโคตรรรรรรรรรร
อยากก็เหอะ.. ผมขมวดคิ้วมองมันตาเขม็ง "ไม่ต้องทำหน้างง รู้ว่าอยาก ตามมานี่... เติ้ล ผมฝากหน่อยนะ
เดี๋ยวมา" มันว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้วดึงผมให้ตามไปด้วย 165
อะไรของแม่งวะ!!!!!!!!!!?? *** เราสองคนมาหยุดตรงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าหลีด ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครเลยยย เพราะหลีดพากันออกไปแสตนบายตรงหน้าประตูหมด
ผมยืนขมวดคิ้วงง ๆ มองมันที่รูดซิปชุดหมีตํ่าลงเรื่อย ๆ "เฮ้ย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!! มึงทำไรวะ!!!!!!!!!!!"
จะปลํ้ากูตรงนี้กูไม่เอานะเว่ย!!!! พื้นมันแข็ง..
เอ๊ย! กูไม่ยอม!! มันไม่สนใจคำโวยวายของผม
แต่ยังคงหน้าด้านถอดชุดหมีออกเรื่อย ๆ ขณะที่ผมต้องหลับตาปี๋ เพราะไม่อยากเห็นภาพอุจาด
หูยังได้ยินเสียงสวบสาบ ๆ ดังจากมันไม่หยุด ไม่นานนักก็รู้สึกว่ามีอะไรถูกโยนมาที่ไหล่...
ผมลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเผยให้เห็นไอ้ปุณณ์อยู่ในเสื้อยืดสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์
มันยิ้มพลางส่ายหัวเหมือนจะขำผม "แลกกัน เอาที่โน่ใส่มา"
โห........ มึงพูดง่ายยยยยย มึงใส่ชุดหมีก็ต้องมีเสื้อกับกางเกงข้างในนี่!!
แต่กูน่ะ เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ที่เหลือมีแต่เนื้อหนังมังสาล้วน ๆ
!!! "ไอ้สัด ไม่เอา กูไม่อยากใส่แล้ว" "แต่กูถอดแล้ว เร็ว ๆ ฝากงานไว้ที่เติ้ลนานไม่ดี" ผมลังเลชั่วครู่ก่อนจะชี้มือบอกมัน "งั้นมึงหันไป!"
แล้วคำนี้มันตลกตรงไหนวะ มันถึงได้ขำแตกงั้นเนี่ย!! "อายอะไรวะ... ก็......... ผู้ชายเหมือนกัน"
ผมว่าก่อนมันจะพูดว่า "ก็ผู้ชายเหมือนกัน"
มันต้องคิดอย่างอื่นก่อนแน่ ๆ ไอ้สัดเอ๊ย!! แน่นอนว่าถึงผมจะยอมคนง่าย
แต่คราวนี้อย่าหวัง! ผมยังไม่ลดมือที่ชี้อยู่ให้มันหันไป 166
มันขำพลางบอกผมว่า "มึงจะถอดหมดรึไง ถอดแต่กางเกงยีนส์เอามาให้กูใส่ก็พอ เสื้อกูมีของกู ส่วนเสื้อมึงใช้รองในชุดหมี
ไม่งั้นมึงคันนะเว่ย!" เออว่ะ......... ทำไมผมโง่งี้วะ.. ผมมองชุดหมีงง ๆ แล้วก็ตัดสินใจถอดกางเกงยีนส์ออก
(ยังมีบ๊อกเซอร์เหลือครับ) ก่อนจะโยนให้มัน แล้วเราก็ต่างคนต่างใส่เสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ผมมองชุดหมีสีกากีอ่อน ๆ นี่อย่างปลาบปลื้มใจ ถึงแม้บนหน้าอกจะไม่ได้ปักคำว่า
swasdikarn อย่างที่เคยใฝ่ฝันไว้ แต่ techque นี่มันก็เท่ห์น้อยอยู่ที่ไหน
"กูไม่ถอดคืนนะ!" ผมขู่มัน
"เออ หน้าด้านใส่กลับบ้านก็เอาเลย" ไอ้ปุณณ์ว่างั้นก่อนจะเดินนำผมออกไปจากห้องแต่งตัวหลีด
ผมเดินกลับไปที่หน้าจอมอนิเตอร์ ก่อนจะยิ้มให้เหน่งที่ทำหน้ามึนนิดหน่อย เพราะคนที่เดินไปเป็นไอ้ปุณณ์แต่ดันกลับมาเป็นผม
แหะ ๆๆ.. แหม ผมทำเป็นจริง ๆ นะ คุมมอนิเตอร์เนี่ย เชื่อมือผมสิ
ผมสะบัดคอนิดหน่อยไล่ความเมื่อย ก่อนจะหยิบเอาเฮดโฟนที่วางบนพื้นอยู่ข้าง ๆ มาครอบหัวแล้วกดดูภาพหน้าแสตนทันที
ตรงนั้นผมเห็นเอิ้นยืนบอกคิวน้องอยู่ และ......... นั่นไง...
ไอ้ปุณณ์เดินถือนํ้าออกไปแล้ว ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าช็อคสนิทของไอ้เอิ้นที่เจอปุณณ์กับนํ้าในมือเข้าไป
แทนที่จะเป็นผม มันรีบวอมาโวยในช่อง 11 ที่ผมฟังอยู่ทันทีว่าผมหลอกมัน
พร้อมเสียงหัวเราะฮ่า ๆ ของไอ้ปุณณ์เป็นแบ็คกราวด์ เออ ผมก็ขำหวะ (ฮ่า ๆ) แต่หัวเราะไม่ได้ เดี๋ยวโดนด่า เลยได้แต่ขอโทษขอโพยมันไปแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
เพราะต้องคอยดูแลภาพบนแสตนคู่กับฝ่ายดีไซน์มากกว่า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเกมการแข่งขันบนสนาม
และบรรยากาศการแปรอักษรบนแสตน มีเสียงเฮเป็นระยะ ๆ เพราะลูกบอลเฉียดประตูไปหลายรอบ
อีกทั้งเสียงเฮจากอัฒจรรย์ เพราะพวกมันแปรอักษร167
โต้ตอบกับโรงเรียนฝ่ายตรงข้ามอย่างเมามันส์
ไหนจะรุ่นพี่ศิษย์เก่าอีกที่โวยวายไม่แพ้ศิษย์ปัจจุบัน ทำเอาผมที่เฝ้าจอมอนิเตอร์อยู่ (เห็นทุกเหตุการณ์)
พลอยคึกคักไปด้วย หน้าที่ของปุณณ์ที่ผมสวมรอยมาทำต้องเฝ้าทั้งหน้าจอมอนิเตอร์
และดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีปัญหา หลายครั้งก็ต้องเดินไปหน้าแสตนเพื่อคุยกับฝ่ายอื่น
ๆ เพราะในวอมีคนคุยกันหลายคนจัด จนบางครั้งฟังไม่ถนัดว่าใครเป็นใคร สรุปว่าเดินคุยกันเองง่ายกว่า
แน่นอนว่าทุกครั้งที่ผมโผล่หัวไปหน้าแสตนไอ้เอิ้นก็จะค้อนกลับมาจนเพื่อน ๆ คนอื่นยังขำ
ส่วนไอ้ปุณณ์ก็กวนตีนตลอดโดยการพยายามป้อนข้าวป้อนนํ้าไอ้เอิ้น ดูเหมือนจะเอาใจ แต่ผมว่ามันน่ารำคาญมากกว่า
จนกลายเป็นเรื่องโจ๊กหน้าแสตนไป (ฮ่า ๆ) ผมขำกับบรรยากาศการทำงานหนักที่ดูสบาย ๆ ของพวกเรา เพราะถึงแม้จะเหนื่อยแต่แค่มีเพื่อน
ๆ ร่วมมือร่วมใจกันเยอะแบบนี้ ไอ้ความรู้สึกฮึกเหิมอยากจะสามัคคีกันทำงานก็เลยมีมากกว่า
ปุณณ์ยังคงอาสาเป็นคนดูแลส่วนตัวให้เอิ้นอยู่ตลอดงาน แต่ก็เจียดเวลาเข้ามาดูผมเป็นระยะเช่นเดียวกัน
ทุกครั้งที่มันเข้ามามักจะมีนํ้า ขนม ที่บางครั้งผมคิดว่ามันคงบังคับใครซักคนให้เดินไปซื้อจากสยามมาให้
เพราะขนมปัง bread papa's ร้านอร่อยในพาราก้อนนี่ไม่น่าจะมีแจกบนแสตน
(ถ้ามีไอ้เอิ้นก็จะลงทุนเกินไปและ)... ผมส่ายหัวในความแอ๊บแบ๊วของมัน
เพราะถามกี่ครั้งมันก็ปฏิเสธตลอด บอกแต่ว่าของบนแสตนนั่นแหละ สงสัยคิดว่าผมโง่นักรึไง
แต่ก็เอาเหอะ ขี้เกียจเถียง ขนมปังอร่อยดี นอกจากเอานํ้าเอาขนมมาให้แล้ว ปุณณ์ก็ยังขยันถามอย่างสมํ่าเสมออีกว่าผมเหนื่อยรึเปล่า
อยากจะแลกชุดคืนมั้ย แต่ผมก็ขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้าซะแล้วว่ะ เลยได้แต่ตอบมันทุกครั้งว่าไม่เป็นไร
จนกระทั่งฟ้ามืดเสียงเฮก็ดังลั่นเมื่อนักฟุตบอลทีมโรงเรียนเราซัดประตูนำฝ่ายตรงข้ามเข้าไปตุงตาข่าย
ก่อนจะป้องกันประตูตัวเองเอาไว้ได้จนในที่สุด ผลคะแนน 1-0 ก็โชว์หราบนสกอร์บอร์ด
เป็นหลักฐานแห่งชัยชนะที่พวกเรารอคอยมาแสนนาน! ผมกับเพื่อนทุกคนถอดเฮดโฟนกระโดดดีใจวิ่งโห่ร้องกอดกันชุลมุนภายในส่วนเตรียมงานใต้แสตน
ก่อนจะเฮโลขึ้นไปบนสนามเพื่อแหกปากร้องทั้งเพลงเชียร์ เพลงโรงเรียน และกอดคอกันบูมให้เสียงดังก้องทั่วทั้งสนามกีฬา
เป็นความเต็มตื้นที่ผมอธิบายได้ยากมาก เพราะความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่มีหายเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ได้เห็นความสำเร็จของพวกเรา
ผมเห็นเพื่อนทุกคนที่อยู่หน้าแสตนเปื้อนคราบนํ้าตากันถ้วนหน้า แม้แต่ปุณณ์ ภูมิพัฒน์
ก็ยังมีรอยรื้นของคราบนํ้าตาปรากฏอยู่ 168
มาสเตอร์บรรชายกป้ายสั่งบูมชูขึ้นสูงให้พวกเราทุกคนกอดคอกันแล้วประสานเสียงบูมดังลั่น.... ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยจริง
ๆ ... หลังจากจบเกมแล้ว นักเรียนทุกโรงเรียนยังคงใช้เวลาอยู่กับเพื่อนตัวเองภายในสนามกีฬาอีกระยะ
เพื่อแสดงความยินดีกับที่งานทุกส่วนผ่านราบรื่นไปได้ด้วยดี (แถมโรงเรียนเรายังได้แชมป์อีกต่างหาก)
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ ช่วงเวลาที่ผมชอบมากที่สุดก็คือช่วงเวลานี้อยู่ดี
เพราะเราจะได้เจอเพื่อนต่างโรงเรียนมากมาย อย่างเมื่อกี้ผมเพิ่งแยกมาจากบรรดาเพื่อนที่นั่งอยู่อีกแสตน
(มันกางเกงดำครับ อิอิ) หลังจบงานพวกมันรีบวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับโรงเรียนผม
ทำให้เห็นสปิริตความมีนํ้าใจนักกีฬา ที่ไม่ว่าคนไหนจะแพ้หรือชนะ สิ่งที่เราได้รับกลับมาจากงานนี้ก็คือ
มิตรภาพ ที่ไม่มีสีกางเกง หรือรั้วโรงเรียนไหน ๆ มากางกั้น ^___^ ระหว่างที่ผมกําลังคุยกับรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่ปรี่เข้ามาแสดงความยินดีอยู่ด้วยอีกกลุ่มนั้นเอง
(เห๊ย.. ผมไม่ใช่นักบอลว่ะ มาแสดงความยินดีกับผมนักหนาทำไมวะ)
เสียงเจื้อยแจ้วที่โคตรคุ้น ก็ดังขึ้นขัดจังหวะสนทนาจากด้านหลังเสียก่อน..
"โน่!!!!!!! ยูหาตั้งนาน!" เฮ้ย!! แบบนี้ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใครครับ!!
ผมเริ่มสงสัยว่ายูริแอบติด GPRS แถวตัวผมรึเปล่า
ทำไมคนเยอะขนาดนี้ยังอุตส่าห์หาจนเจอ -_-" "แหม ไอ้โน่..
เดี๋ยวนี้มีแฟนเป็นสาวน่ารักนะมึง เออ ไว้ค่อยเจอกัน เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะเข้าไปโรงเรียน"
พี่โมทย์ศิษย์เก่าที่ผมคุยด้วยอยู่ยิ้มล้อ ๆ พลางตัดบทสนทนาทันที แล้วทีนี้ผมจะทำไงได้ล่ะครับ
นอกจากต้องฝืนยิ้มให้เขากลับไป แล้วโบกมือลา "ไว้เจอกันครับพี่
^^;;;" 169
หลังจากที่คล้อยหลังพี่โมทย์ไปแล้ว
จึงเป็นคิวของผู้หญิงตัวเล็กข้าง ๆ ผมบ้าง "ยูริตามหาผมมีอะไรรึป่าว"
"มีสิ.. แต่ยูเพิ่งรู้ว่าโน่เป็นสต๊าฟแสตนด้วย!"
ก็กะแล้วว่าต้องถูกทักแบบนี้ เพราะยูริรู้ดีว่าหน้าที่ผมจริง ๆ แล้ว
อยู่กับวงโยฯ (ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์) ไม่ใช่เจ้าหน้าที่แสตน ใส่ชุดหมีรุงรังอย่างที่เห็นนี้แน่นอน.. แต่ถึงผมจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าต้องโดนถาม ก็ยังอดกระอั่กกระอ่วนแปลก ๆ ไม่ได้
ที่จะต้องบอกยูริว่านี่... "ของปุณณ์น่ะ แลกกัน"
สิ้นคำตอบผม ก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างของยูริที่เล่นเอาเสียวสันหลังประหลาด
ๆ ทันที ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าวะ!?!? เธอคลี่ยิ้มน่ารักอยู่แป๊บนึงก่อนจะเอื้อมมือมาเกาะแขนผมแจ
"ออกไปกินข้าวกันนะ" เอาล่ะเหวย..............
ผมเหลือบมองใบหน้าขาว ๆ ขี้อ้อนนั่นพร้อมกับรู้สึกหนักอกหนักใจขึ้นมาทันที
เอาไงดีวะ... ผมมองหน้ายูริขณะที่หูได้ยินเสียงเพื่อน ๆ คนอื่นเริ่มนัดแผนการณ์ฉลองคืนนี้ผ่านวอเช่นเดียวกัน…..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น