วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Love Sick 9th

'BOMMMMMMMMME' เสียงเกมแพ้ครั้งที่โหลพอดี ดังจากลำโพงโฮมเธียเตอร์ขนาดย่อมในห้องไอ้ปุณณ์มัน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนเยาะเย้ยด้วยคำว่า Game Over เป็นครั้งที่หนึ่งโหล จนต้องเขวี้ยงจอยในมือลงพื้นพรมหน้าทีวีอย่างขัดใจ XBOX บ้าบอไรวะ ไม่เห็นหนุกเลย เล่นไปก็แพ้ เซ็งว่ะ คอมขี้โกง... ผมคิด(โทษคนอื่น)พลางหงายตัวลงนอนบนพรมอย่างไม่รู้จะทำอะไร 'ใครจะไปดี ได้ทุกชั่วโมง ก็เรามันคนไม่ใช่ละครทีวี~' ใครวะโทรมาตอนนี้ ผมเหลือบตามองมือถือที่ทั้งร้องทั้งสั่นอยู่ข้าง ๆ กระเป๋านักเรียนบนโซฟา ใจหนึ่งก็ขี้เกียจเดินไปหยิบ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าโทรศัพท์จะเสียงดังเสียจนเจ้าของห้องตื่น คิดได้ดังนั้นผมก็กระโดดพรวดเดียวถึงตัวเครื่องทันที "ว่าไงครับไอ้สัด" ไอ้โอมครับ.. "ทำไมไม่มาวะ!!! วันนี้กูโดนบราเดอร์ทำโทษให้เอาขยะห้องออฟฟิศไปทิ้งตอนเย็นด้วย" เสียง
ตระหนกของไอ้โอมลอยมาตามสาย จนผมฟังแล้วอดขำสมนํ้าหน้ามันไม่ได้ "ทำอีท่าไหนบราเดอร์ถึงได้เล่นมึงล่ะ" "กูเล่น msn กระดาษกับไอ้ม้ง" "แล้วส่งกันยังไงให้โดนจับ" "ส่งผ่านเพื่อนมันไม่ทันใจ กูเลยเขวี้ยงไป บราเดอร์หันมาเห็นพอดี" ไอ้ควายยยยยยยยยยยยยยยย สมควรแล้วครับที่โดน "มึงกะลังคิดว่ากูควายใช่มะ ไอ้สัด" อ้าวแล้วไอ้ห่านี่มันด่าผมกลับทำไมวะ! "ว่าแต่มึงไปไหน ทำไมไม่มา แล้วใครจะช่วยกูทิ้งขยะ" สรุปที่มันถามมันไม่ได้เป็นห่วงผมเลย แม่งอยากได้คนช่วยนี่เอง ไอ้เพื่อนเวร "กูมีธุระนิดหน่อยน่ะ..." "ธุระไร หรือติดลมจากเมื่อวานกับยูริ หึหึหึ" เรื่องเหี้ย ๆ ล่ะคิดได้ ถ้ามันอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ ผมบ้องหัวเหม่ง ๆ ของมันควํ่าไปแล้ว "สัด" เป็นคำตอบที่สุภาพที่สุดสำหรับคนอย่างมันครับ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ยินไอ้โอมตอบโต้อะไรกลับมา เสียงแหบพร่าของปุณณ์กลับดังขึ้นเสียก่อน "หนะ... หนาว..... หนาว....." "มึงอยู่กับใคร?" ไอ้เชี่ยโอมนี่นอกจากปากมันจะหมาแล้วยังหูก็ยังเสือกดีเหมือนหมา แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายอะไรแล้ว "เออ แค่นี้ก่อนนะ"
"หนาว.... หนาว............." เสียงไอ้ปุณณ์สั่นขึ้นทุกที "มึงอยู่กับใครน่ะ??" "แล้วเจอกันวันจันทร์" ผมตัดบทมันแค่นั้นก่อนจะกดวางสายแล้วกระโดดไปคว้ารีโมทปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศทันที สามสิบไปเลยแล้วกัน ร้อนตายห่า ผมมองตัวเลขอุณหภูมิที่ถูกปรับให้สูงขึ้นพร้อมกับรู้สึกว่าตัวเองร้อนแปลก ๆ จึงถอดเสื้อนักเรียนออก พาดไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปดูคนป่วยที่นอนขดอยู่บนเตียง ไอ้ปุณณ์ท่าทางจะหนาวจริง มันพยายามรวมผ้าห่มผ้านวมให้มาปิดตัวมันมากที่สุด ขณะที่ทั้งปากและเนื้อตัวสั่นไปทั่วเหมือนคนกำลังทรมานอย่างหนัก ต่อให้ผมโง่วิชาสุขศึกษาแค่ไหน แต่ก็พอจะรู้ว่านี่คงเป็นช่วงไข้ขึ้นตามที่มันเคยบอก.. แน่นอนว่าผมลุกลี้ลุกลนมากเพราะไม่เคยต้องดูแลคนเป็นไข้มาก่อน สิ่งแรกที่นึกออกคือยื่นมือไปแตะหน้าผากมันเพื่อจะพบว่าร้อนอย่างกับเตารีด!! ไม่ต้องไปหาหมอเหรอวะเนี่ย!!!!!!!! ผมยิ่งลนลานเข้าไปอีก ขาสั่งให้ตัวเองเดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะคิดได้ว่าต้องออกไปตามหาใครซักคนมาดูอาการมัน แต่ในจังหวะที่กำลังจะวิ่งออกไปนั้นเอง ตัวผมทั้งตัวดันถูกดึงลงไปเสียก่อน!? "เฮ้ย!!" ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนร้อนผ่าวนั่นด้วยความตกใจ ไอ้เชี่ยปุณณ์มันละเมอดึงผมไปกอดอยู่บนตัวมันครับ แน่นด้วย ผมพยายามขืนตัวก็แล้ว ดิ้นให้หลุดก็แล้ว ไอ้บ้านี่มันก็ยังไม่ปล่อยผม แม่งคนป่วยห่าอะไร รัดซะแน่นอย่างกับอนาคอนด้า "ไอ้เชี่ยปุณณณณณ์ ปล่อยยยยย!!" ผมทั้งดิ้นทั้งด่าเพราะไม่ชิน และเพราะอยากจะรีบออกไปหาคนมาช่วยมันเร็ว ๆ ด้วย แต่เพราะหน้าผมถูกกดอยู่แถว ๆ ต้นคอมัน เสียงเลยเปล่งออกมาได้ไม่มาก มันก็ไม่รู้
เรื่องห่าเหวอะไรเลยครับ นอกจากเกร็งกอดผมแน่นยิ่งขึ้น "หนาว...... หนาว........." เสียงแหบนั่นยังคงร้องครางไม่หยุด จนผมเองที่ต้องเป็นฝ่ายหยุดดิ้น ผมโงหัวขึ้น (อย่างโคตรลำบาก) มองใบหน้าขาวซีดของปุณณ์ ที่ตอนนี้รอยแดงเริ่มหายไปบ้างแล้ว คงเหลือแต่ผิวซีด ๆ เข้ามาแทนที่... ผมมองหัวคิ้วเข้มนั้นที่ขมวดเข้าหากันอย่างคนทรมานเช่นเดียวกับดวงตาปิดแน่น ทั้งที่ในเวลาปกติตาคู่เคยนี้ส่องประกายทั้งสดใส ขี้เล่น และสุขุมไปในตัว ริมฝีปากที่เคยเป็นสีอมส้มโดยไม่ต้องแต่งแต้มแบบพวกผู้หญิงนั้น ตอนนี้ซีดจางลงจนแทบไม่เหลือเค้าผู้ชายสุขภาพดีคนเดิม ปุณณ์เป็นแบบนี้ไม่สนุกเลย.. ผมอยากให้มันหายเร็ว ๆ แล้วกลับมากวนตีนผมต่อ เมื่อเห็นดังนั้น สิ่งที่ผมทำในเวลาต่อมาคือตัดสินใจทิ้งตัวลงบนแผ่นอกกว้าง ที่เจ้าของมันโอบกอดผมไว้ ผมวาดแขนโอบมันกลับเมื่อเสียงครางว่าหนาวยังคงดังไม่หยุด ด้วยหวังว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ไม่รู้เป็นผมที่คิดไปเองหรือเปล่า ว่าปุณณ์คลายกล้ามเนื้อที่เกร็งลง พร้อมกับอุณหภูมิร่างกายเริ่มเข้าสู่ปกติ.. *** 'I could be brown, I could be blue, I could be violet sky~' ริงโทนโทรศัพท์เสียงไม่คุ้นค่อย ๆ ดังขึ้นจนแผดลั่นในความเงียบ เป็นสาเหตุให้ผมต้องเป็นฝ่ายงัวเงียตื่นขึ้นมาเพื่อจะพบว่าตัวเองกับไอ้ปุณณ์นอนกอดกันซะแทบจะเป็นเนื้อเดียว -_-" ที่สำคัญ ผมยังนอน
ควํ่าอยู่บนตัวมันว่ะ (เมื่อยชิบหาย) คนปกติเขาดูแลผู้ป่วยเป็นไข้กันท่านี้ป่าววะะะ (ไม่) 'I could be hurtful, I could be purple, I could be anything you like' มิสเตอร์ Mika ยังคงส่งเสียงร้องจากลำโพงมือถือไอ้ปุณณ์ไม่ยอมหยุด แม้ว่าผมจะชอบเพลงนี้เหมือนกัน แต่ก็ต้องสะกิดเจ้าของเครื่องแรง ๆ ให้มันตื่น ข้อหนึ่ง ผมหนวกหู ข้อสอง ช่วยปล่อยกูซักที!! ไอ้ปุณณ์สะดุ้งนิดหน่อยด้วยแรงสะกิด แต่ทันทีที่ลืมตามาเจอสภาพของเราสองคนก็ยิ่งสะดุ้งหนัก "เฮ้ย!!!!?" "ไม่ต้องเลย มึงแหละทำกู" แม่งตกใจอย่างกับผมไปปลํ้ามันงั้นล่ะ.. ผมพูดพลางเหล่ตามองเจ้าของปลายคางที่เฉียดจมูกผมไปหน่อยเดียว "ผะ... ผมทำอะไรโน่?" เสือกจะคิดลึกอีกนะ ไอ้เวร หน้ามันตกใจมากครับ.. นี่มันทำไม่ทำมันไม่รู้ตัวเองรึไง -_-" ผมล่ะเหนื่อยใจ -_-" "เปล่า ๆ มึงไข้ขึ้นตัวร้อนชิบหาย แล้วก็เพ้อว่าหนาวตลอด พอกูเดินมาจับตัวมึง มึงก็เห็นกูเป็นฮีทเตอร์ มัดกูไว้อย่างที่เห็นนี่แหละ" ผมอธิบายเป็นฉาก ๆ จนมันร้องอ๋อ พยักหน้าเข้าใจทันที ตอนนี้สีหน้ามันดีขึ้นมากแล้ว ไม่ซีดเท่าเมื่อบ่าย ผมก็ดีใจด้วย แต่............ "รู้แล้วก็ปล่อยกูซักทีสิวะ" "เออ โทษที ๆๆ" สิ้นคำผม มันรีบผละแขนตัวเองออกทันที เยี่ยม!.. ผมถอยมาลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางเอนคอซ้ายขวาแก้เคล็ดที่นอนผิดท่าเมื่อกี้เป็นการใหญ่ นอนบนคนนี่มันเมื่อยชิบหาย 'Why don't you like me? Why don't you like me? Why don't you walk out the door'
ถึงตอนนี้.. Mr.Mika ร้องเพลงจนจบท่อนฮุคเรียบร้อยแล้วครับ ผมล่ะกลัวว่าเขาจะเหนื่อยกับพวกไม่ค่อยสนใจมือถืออย่างพวกผม เลยหันไปมองโนเกียเครื่องสีดำบนโต๊ะแล้วมองหน้ามันต่อ "รับปะ?" "ดูให้หน่อยดิว่าใคร" แน้.... ใช้งานกูง้านเรอะ!? ผมเหล่ตามองมัน แต่ก็เดินไปดูให้แต่โดยดี วันนี้ยกให้มันวันนึงแล้วกันครับ หน้าจอโทรศัพท์โนเกีย N81 ปรากฏรูปคู่รักโชว์อยู่หราบนโต๊ะกระจก "เอม..." ก็แค่อ่านออกเสียงตามชื่อที่ขึ้นโชว์หน้าจอเท่านั้นเอง "อ้อ... เอามา ๆๆ" เสียงไอ้ปุณณ์เรียกพลางกวักมือยิก จนน่าหมั่นไส้... ใช่ซี่... แฟนทั้งคนนี่... ผมรีบเดินไปส่งมือถือให้มันรับสายโดยไวก่อนปลายสายจะโกรธ "ฮัลโหล หวัดดีครับ... ผม.. อยู่บ้านล่ะ...... หือ? มีอะไรหรือเปล่า?........ อ๋อ.. ขอโทษนะเอม พรุ่งนี้ได้ไม๊ วันนี้ผมไม่ค่อยสบาย อยากนอนพักจังเลย ขอโทษนะครับ" "ทาไมล่ะ!! ปุณณ์สัญญากับเอมไว้แล้วนะว่าจะไปด้วยกันวันนี้!!!!" O[]o!? หลังจากที่แอบสงสัยว่าเอมโทรมาทำไม ในที่สุดผมก็ได้คำตอบ เมื่อเสียงเอมแหวดังจากลำโพงโทรศัพท์จนต้องสะดุ้งโหยง แน่นอนว่าขนาดคนนั่งอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เอาหูแนบโทรศัพท์อย่างผมยังได้ยินเสียงดังจนสะดุ้ง นับประสาอะไรกับปุณณ์ที่ถึงกับต้องยกมือถือห่างจากหูเดี๋ยวนึง.. มันหันมายิ้มแหะ ๆ ให้ผมที่ทำหน้าตกใจมองมันอยู่ "แต่ว่า......... อืม..... ครับ......... งั้นเดี๋ยวปุณณ์ไปรับที่หน้าโรงเรียนตอนเย็น.... แล้วเจอกันครับ.." "อย่าบอกนะว่ามึงจะออกไปเดท........" ป่วยไม่เจียมนะสาดด "ไม่ใช่เดทหรอก เอมจะไปซื้อรองเท้าน่ะ" มันตอบเนือย ๆ พลางวางมือถือไว้ข้างหมอน ผมคว้าเอาไปเก็บที่เดิมให้ ด้วยเพราะเคยได้ยินว่าวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอนมันไม่ดีต่อร่างกาย แล้วดันทุรังจะออกไปข้างนอกทั้งที่ยังไม่หายไข้ดีก็ไม่ดีกับร่างกายเหมือนกัน
"เหมือนกันแหละ.. สภาพแบบนี้จะไปเหรอวะ" ผมถามกลับด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจมาก ๆ แต่ไอ้ปุณณ์แค่ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วหลับตาลงช้า ๆ "ตอนนี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ... อีกอย่าง ผมก็สัญญากับเอมไว้แล้วจริง ๆ" เราอาจจะสนิทกันแล้วก็จริง... แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันได้ ผมไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากปล่อยให้ปุณณ์นอนพักต่อไป... ในขณะที่หัวผมยังคงครุ่นคิด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น