ทันทีที่(รอด)กลับมาจากหัวหิน คนแรกที่ผมโทรหาคือไอ้กอล์ฟ อันที่จริงผมอยากโทรหามันตั้งแต่ตอนอยู่หัวหินเลยด้วยซํ้า
แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสอีก เพราะช่วงกลางวันยูริเกาะติดผมแจ ส่วนกลางคืนก็ดันนอนห้องเดียวกับปุณณ์
จนไม่รู้จะเอาเวลาไหนปลีกตัวไปโทรได้ ดังนั้นเรื่องจะให้ต่อสายฮอทไลน์ไปปรึกษาไอ้กอล์ฟทันทีนี่เป็นอันต้องพับโครงการไป
ส่วนกอล์ฟ คำแรกที่มันพูดหลังฟังเหตุการณ์ทั้งหมด คือเสียงตะโกนว่า "เชี่ยแม่ง!!!!!!!!! มันกล้าจะเอากับมึงเลยเหรอวะ!!!!!!!!!"
เออว่ะ ตรงใจที่สุด... ผมก็ไม่เข้าใจว่าเอมกล้าทำแบบนั้นไปได้ยังไง
"แม่งต้องคิดว่ายังไงมึงก็เล่นด้วยแน่ ๆ คงไม่คิดว่าจะผิดแผนขนาดนี้ไง"
กอล์ฟที่อยู่ปลายสายยังคงพยายามวิเคราะห์เป็นฉาก ๆ แต่ผมช่างแม่งแล้ว
เอมจะเป็นอะไร คิดยังไงก็ช่างเขาเหอะ คนเดียวที่ผมเป็น227
ห่วงคือไอ้ปุณณ์... ผมจะทำยังไงกับเรื่องที่ผมเฉยใส่ไม่ได้ดี
ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกว่า นี่มันเป็นบ้าอะไรไปหมด ตกลงที่ผมกับปุณณ์เคยร้องไห้กันในวันนั้น
เราสองคนทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ปุณณ์กลับไปอยู่กับผู้หญิงพรรค์นั้นน่ะเหรอ แม่งงงง!
กอล์ฟบ่นอะไรไม่รู้ให้ผมฟังทางโทรศัพท์อีกสักพัก (ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่หรอก) ก่อนจะวางสายไปโดยทิ้งท้ายว่า
มันจะเข้ามาหาผมที่โรงเรียนตอนเย็นวันจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันคัดวงรอบแรก ที่ผมต้องอยู่ชมรมจนคํ่าพอดี
เช้าวันจันทร์ผมมาถึงโรงเรียนด้วยสภาพกะปลกกะเปลี้ย เพราะเมื่อคืนกว่าไอ้ปุณณ์จะขับรถมาส่งหน้าบ้านได้ก็ดึก
แถมยังต้องคุยโทรศัพท์กับไอ้กอล์ฟอีก ถกปัญหากันยาวยันตีสองตีสาม จนฟ้าแทบสว่างคาตา
(จริง ๆ ไร้สาระไปมากกว่าครึ่ง) "เฮ้ย!!
แม่งหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนคนขาดนํ้า ไปหัวหินสามวันรีดออกหมดตัวยังวะ!!"
แล้วปากเหรอนั่น ไอ้เชี่ยโอม... ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องเรียนเพื่อจะฟังเสียงหมาเห่าหอนของมัน
แล้วจะมีวันไหนมั่งมั้ยที่ผมไม่ต้องนึกด่ามัน แน่นอนว่าวันนี้ผมถอยทัพ เพราะไม่มีแรงเหลือจะสู้
เลยต้องชิ่งปาห่อของฝากใส่หน้ามันไปก่อน ไอ้โอมเปลี่ยนจากหน้าตีนเป็นหลังมือทันที
"เย๊ดดดดดดดดด มีของฝาก!! เฮ้ยไอ้นี่กูชอบบบ
เก่ง!!! มาแดกกัน!!!!!" อื้อหือ..
เหมือนเวลาหมาจะวิ่งเข้ามากัดแล้วเขวี้ยงกระดูกให้มันยังไงยังงั้น ท่าทางไอ้โอมมันดีใจจนหางกระดิก
เท่านั้นไม่พอยังเรียกไอ้เก่ง (ที่ยืนโม้อยู่หน้าห้อง)
ให้ร่วมขบวนการณ์หางกระดิกดิ๊ก ๆๆ ปรี่มาทางโต๊ะผมอีกคน 228
"เย๊ด ปลาหมึกนี่กูก็ชอบ เจ๋งหวะ
ๆๆ" ไอ้เก่งว่าพลางลงมือฉีกซองเปิดซิงปลาหมึกหวานทันที ส่วนผมได้แต่ขำ
"เมื่อวันศุกร์มีไรปะวะ ที่กูไม่มา" ผมถามขณะกําลังรื้อเศษกระดาษออกจากกระเป๋าอยู่ "ไม่ค่อยว่ะ มิสพัชรีถามหามึงด้วย แต่กูช่วยบอกมิสว่ามึงโดดเรียนไปหัวหินให้"
อ้าวว ไอ้เชี่ยยยยยยยยยย ไอ้เพื่อนทรยศ!!!! ผมหันไปมองหน้า
แต่ไอ้โอมยังคงกวนตีนต่อไป "เออ ก็เนี่ย.. แต่ถ้ามึงเอาปลาหมึกหวานไปฝากมิสพัชรีเค้าคงไม่ค่อยโกรธ มึงไม่ต้องขอบใจพวกกูหรอกนะเว้ย"
ถึงมึงไม่บอกกูก็ไม่ขอบใจอยู่แล้วแสดดดดดดด "ไอ้สันดาน งั้นปลาหมึกนี้ให้มิสพัชรี มึงไม่ต้องแดก" ริบคืนแม่งงง เก็บไปฝากน้อง ๆ ที่ชมรมยังจะเชื่องซะกว่า แต่พอดึงซองปลาหมึกหวานลงจากโต๊ะปุ๊บ
ผมก็ได้ยินเสียงพวกไอ้โอมไอ้เก่งร้องกันระงมเหมือนหมาหงอยปั๊บ "กูล๊อออออเล๊นนนนนนนนนนน กูบอกมิสให้ว่ามึงไม่ฉบายยยย" หืมม.. ไอ้ไข่หมา.. มึงไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
กูขนลุก! ผมย่นจมูกใส่พวกมันแล้วปล่อยถุงปลาหมึกหวานให้กินกันต่อตามเดิม
"เฮ้ยนี่ ๆๆๆ แล้วมึงเป็นไงมั่งวะหัวหิน... ทริปแรกป่าว ตั้งแต่คบมา" แต่พอล้มตัวนั่งลงอีกรอบ
ไอ้เก่งก็เปิดประเด็นใหม่ทันที โดยมีไอ้โอมพยักหน้ารับเป็นกําลังเสริม แม้ปากจะยังคงคาบแผ่นปลาหมึกอยู่อย่างโคตรรรตะกละ
(ทั้งคู่) "สำเร็จปะวะ ๆ" เชี่ยแม่งก็พยายามดีเนอะ.. ผมเหล่ตามองพวกมันที่แดกอยู่แต่ก็อยากจะถาม
"สำเร็จไรของพวกเมิงง" "เผด็จศึก!"
ไอ้โอมตะโกนพลางลุกขึ้นยืน ฟันมือโช๊ะกลางอากาศเหมือนทำยุทธหัตถีอะไรซักอย่าง
ซึ่งแน่นอนว่ากูอายคนอื่น ต้องรีบดึงไหล่มันให้นั่งลงมาบนเก้าอี้เหมือนเดิม
"พอเลยมึง... เสร็จห่าอะไร กูไม่ได้คิดกับยูริแบบนั้น
มึงก็รู้" "เฮ้ย!! แล้วไปนอนอยู่ด้วยกันตั้งสองคืนอะนะ
อย่าบอกว่าไม่มีไร!!!!! มึงขันธีปะวะ!!!!!!" แล้วจะตะโกน229
ให้ตำรวจตรงสี่แยกได้ยินเลยมั้ย
ไอ้สัด...
ผมโบกหัวมันทีนึงพอให้เกิดสำนึก "กูแยกห้องชายหญิงมั่งเหอะ!"
หลังได้ฟังคำนั้น ไอ้โอมไอ้เก่งดูท่าเซ็งขึ้นมาทันที.. เป็นเชี่ยไรของมัน "แม่งงงง กูก็นึกว่าจะสองคู่ชู้ชื่น...
มึงเสือกไปนอนให้ไอ้ปุณณ์ตุ๋ยเฉยเลย" โหไอ้โอม...
น้อย ๆ หน่อยไอ้เชี่ย!!! "ตลกละพวกมึง เป็นห่าไรนักหนา
ทำไมล้อกูกะไอ้ปุณณ์นัก" ผมด่าพลางหยิบแผ่นปลาหมึกมากินมั่ง
ดูพวกมันทำหน้าครุ่นคิดกันอยู่พักใหญ่ "ก็เพราะว่า.....
อยู่ดี ๆ พวกมึงก็สนิทกันแบบ... ผิดปกติ"
"ใช่.... ใช้คำว่า 'อยู่ดี ๆ' เลยนะเว้ย!! ไม่มีวี่แววอะ
เมื่อก่อนมึงกับมันยังแค่ยิ้มให้กันอยู่เลย เดี๋ยวนี้เจอกันแทบกระโดดใส่"
โอ้โห... ไอ้เว่อร์! พวกมึงช่วยลดดีกรีความโอเว่อร์ลงนิดนึงด้วยครับ
กูไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!! "มึงอย่าใส่ไข่ กูกะมันก็คุยกันปกติ
มันช่วยเรื่องตังชมรมนี่หว่า" "แต่ก็เกินไปอยู่ดีว่ะ
ช่วยเรื่องตังชมรมก็หน้าที่มันอยู่แล้ว นี่พวกมึงเล่นรวมหัวหายไปไหนให้แฟนโทรตามซะวุ่น
เข้าขั้นแปลกว่ะ" ไอ้เชี่ยโอมยังคงวิเคราะห์ได้เป็นฉาก ๆ
จนผมปลง... เวลามาสเซอร์ให้โจทย์เลขมา อยากรู้ว่ามึงตีจนแตกงี้มะ?
ผมกําลังจะอ้าปากเถียงมันอีกซักคำสองคำซักหน่อย แต่เสียงไอ้คมตะโกนเรียกผมจากหน้าห้องดังขัดขึ้นมาก่อน
"ไอ้โน่!!! ปุณณ์เรียก!!!" ชิบหายแล้วไง แม่งเลี้ยงลูกกรอกปะวะ!!? พูดปุ๊บมาปั๊บทำเอาไอ้โอมไอ้เก่งหัวเราะลั่น
"เห็นมะ!! กูบอกแล้ว!!! มึงสองคนตัวติดกันยังกะปลิงขี้ควาย เชี่ยแม่ง... มาทีหลังยังเสือกซิวเพื่อนกุไปอีก
ร้ายนักนะไอ้ปุณณ์" เสียงไอ้โอมแซวปนบ่นงึมงำ ๆ เหมือนจะน้อยใจ
แต่ก็ไม่เห็นมันสนใจ230
อะไรผม เพราะตอนนี้ปลาหมึกข้างหน้าคงน่าคุยด้วยมากกว่า... เหอะ
ๆ.. ไอ้โคตรจริงใจ!! แต่เอ๊ะ...
เมื่อกี้มันเปรียบผมกับปุณณ์เป็นอะไรควาย ๆ วะ??? ช่างแม่งงงง ผมส่ายหัวพลางเดินลากขาไปหน้าห้องเรียนเพราะปุณณ์เสนอหน้ามากวักมือเรียกผมยิก
ๆ เร่งให้ออกไปเร็ว ๆ หน่อย... แต่คือ.. มึงช่วยอย่าแสล๋นนักจะได้มะ เพื่อนกูมองกูกันประหลาดจะแย่อยู่แล้ว
"มีไร" ผมถามมันขณะที่เรายืนอยู่หน้าห้องกัน
"ตกลงเรื่องคัดวงว่าไงวะ" หืม...
ปุณณ์มาเพราะธุระเรื่อง Live Contest ที่สมัครทิ้งไว้นี่เองครับ
ผมพยักหน้ารับ แต่เอ... กูเพิ่งโทรบอกไอ้ฟี่ (ประธานนักเรียน และนักร้องนำวงมัน) เรื่องนี้เองไม่ใช่เหรอ
"กูบอกฟี่ไปแล้วไง วงมึงคุยกันมั่งปะเนี่ยย"
"มึงโทรไปตอนไอ้ฟี่หลับเหอะ มันบอกมันอือ ๆ ออ ๆ รับมึงไปงั้น จริง
ๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรอก" เออดี ตัดทิ้งแม่งเลยดีมั้ยวะ วงนี้
-_-" ผมหัวเราะเหอะ ๆ "วันนี้เย็น...
ห้องชมรมตึก ฟ." แต่พอยํ้าให้ฟังอีกครั้งชัด
ๆ ดันเห็นมันทำตาโตเท่าไข่ห่าน "เฮ้ย!! กะทันหันจังวะ กูไม่ได้เอาอะไรมาเลย!!" อ้าวไอ้ห่านี่....
ก็หัวหน้าวงมึงไม่ฟังกูเองอะ กูผิดป่าววะ! หน้าเหวอ
ๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า "เรื่องของเมิ๊งง
ไม่มาคัดกูตัดสิทธิ์" นี่ไงครับ... กล้าปะล่ะ ประธานชมรม ขู่วงประธานนักเรียน... หึหึหึ..
เก๋าไม่เก๋าไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ.. เลขาฯสภาหน้าจ๋อย
ก๊ากกก "มึงทำกับกูลงเหรอว๊าาา โน่" อ้าวไอ้ห่านี่.. ทำเป็นคอตกสงสัยนึกว่าผมจะสงสาร แล้วมันมาไม้ไหนวะเนี่ย
ทำไมผมต้องทำไม่ลง ปุณณ์เงยหน้ามาส่งสายตาประกายปิ๊งๆ เหมือนกับมันดูน่ารักเต็มประดา
"คนที่มึงรักเชียวนะ...." อุแห231
วะะะะะะ กูจะอ้วกกกก กูเคยพูดตอนไหนวะ!!!! "มึงเมาปีโป้เหรอ" ผมเถียงกลับ "เออ คนที่รักมึงก็ได้.. แป๊บนะ" มันยอมเปลี่ยนให้ง่าย ๆ แล้วหันไปควักมือถือที่ร้องลั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างลน
ๆ ผมยืนพิงกําแพงรอมัน 'I could be brown, I could be blue, I could be
violet sky~' 'ติ๊ด' "หวัดดีครับเอม"
อืมมม......... นี่ไงล่ะคนที่มึงรัก แล้วก็คนที่รักมึง........
ผมคิดอย่างเคยชินแต่เดี๋ยวก่อน!! เอมงั้นเหรอ!!!?
หน้าผมบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันที... แม่งเอ๊ย
แค่ได้ยินชื่อก็โมโหจะตายห่า ผมรู้สึกว่าตัวเองฟึดฟัด แต่ทุกอย่างก็เกิดจากความเป็นห่วงเป็นใยไอ้หน้าหล่อตรงหน้าผมล้วน
ๆ ท่าทางผมจะแสดงออกมากไปหน่อยจนปุณณ์ดูออก มันเลิกคิ้วมองหน้าผมที่บึ้งสนิทด้วยความประหลาดใจ
อาจเป็นเพราะผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เก่ง ทำให้พอคิดอะไรเลยพาลไหลออกมาทางสีหน้าหมด
ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีป้าย 'ไม่พอใจ' แปะหราประจานอยู่กลางหน้าผาก ในขณะที่ปุณณ์เองก็แปะป้าย 'ไม่เข้าใจ' กลับมาเช่นเดียวกัน "ครับเอม... วันนี้ไม่ได้หรอก ผมต้องอยู่คัดวงที่ชมรมดนตรีล่ะ
กะทันหันมากเลย" ผมมองปุณณ์ที่กําลังโต้ตอบกับปลายสายไป
มองหน้าผมไป พร้อมเลิกคิ้วมาให้เหมือนจะถามว่าผมเป็นอะไร "ครับ... ที่ผมเคยบอกน่ะแหละ..... หืม?.. โน่เหรอ?" มันยังคงคุยต่อ
แต่ประโยคเหล่านั้นทำให้รู้ว่าเอมถามถึงผม!? ถามอะไร??
ถามทำไมวะ??? 232
ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันที่ดูงง
ๆ กับทั้งสองฝั่ง
"โน่ก็อยู่ด้วยสิครับ มันเป็นประธานชมรมนี่ ฮะฮะฮะ...........
เอ๋?..." แต่ถึงตรงนี้ปุณณ์ก็กําลังเริ่มขมวดคิ้วเช่นกัน
"จะมาทำไมครับ ไม่สนุกหรอก มีแต่เพื่อน ๆ ผมทั้งนั้น"
หึหึ... แค่ได้ฟังปุณณ์ตอบแบบนี้ผมก็รู้แล้วว่าปลายสายต้องการอะไร
รู้แม้กระทั่งว่าทำไม เอมจึงอยากทำแบบนั้น "ครับ...
อืม.... มาถึงแล้วบอกแล้วกัน ผมจะเดินไปรับหน้ารั้ว"
เรายืนกันอยู่ซักพัก รอให้ปุณณ์รํ่าลาแฟนเป็นคำสุดท้ายก่อนวางสาย..
ผมมองมันเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่ไม่วายส่งสายตาง้องอนมาทางผมเหมือนคนรู้สึกผิด
"โกรธรึเปล่า... เอมจะมา" ถึงตรงนี้ผมงง? เพราะสิ่งที่ปุณณ์คิดมันไม่ใช่ ถ้าปุณณ์คิดว่าผมโกรธเพราะผมหึงหรือหวงปุณณ์
บอกได้เต็มปากเต็มคำว่ามันคิดผิดถนัด ผมไม่เคยอยากเป็นเจ้าของปุณณ์เลยแม้แต่ปลายเล็บ
เพราะผมเป็นลูกผู้ชายพอจะรู้ดีว่าอะไรคืออะไร.. ทุกวันนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าผมพอใจแล้วกับความสัมพันธ์ของเราสองคนที่เป็นแบบนี้
ผมพอใจที่เรามีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันโดยไม่ต้องจำกัดคำนิยามใด ๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงมาเจือปนอีก
ผมรักสิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้ แต่ผมเกลียดสิ่งที่กําลังจะเป็นต่อจากนี้ ผมทนให้ใครมาทำร้ายคนสำคัญของผมคนหนึ่งไม่ได้
"เปล่า ไม่ได้โกรธอะไรมึง... คิดมาก"
อาจเป็นคำตอบที่ดูเหมือนปัด ๆ ไป แต่ผมก็พยายามที่สุดแล้วที่จะไม่ทำให้ปุณณ์ต้องกังวลใจ
"โอเคใช่มั้ย? ขอโทษนะ..." ฝ่ามือแกร่งข้างนั้นบีบบนหัวไหล่ผมเบา ๆ เรียกให้ผมรีบพยักหน้ารับกลับไป
"เฮ้ย ไม่เป็นไรจริง ๆ เออ กูกลับเข้าไปลอกการบ้านก่อนนะ วันศุกร์ที่หยุดไปงานตรึม"
สุดท้ายจึงต้องพึ่งคำโกหกคำโต (เพราะไอ้โอมบอกว่าสบายมาก
ไม่มีอะไรซักอย่าง) แต่คงดีกว่ามายืนหน้าบอกบุญไม่รับใส่ปุณณ์อย่างนี้...
เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดเปล่า ๆ ว่าผมโกรธมัน "อืม... ขอโทษนะโน่.." ปุณณ์ยังคงยํ้าอีกที
ขณะที่ผมพยักหน้ารับถี่ ๆ พร้อมแตะไหล่มันเบา ๆ 233
"ไม่ต้องคิดมาก" ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับห้องเรียนไป ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเอมต้องถ่อมาเฝ้าปุณณ์ถึงนี่เพราะอะไร