วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

LOVE SICK :: ชุลมุนกางเกงน้าเงิน EP.30



ทันทีที่(รอด)กลับมาจากหัวหิน คนแรกที่ผมโทรหาคือไอ้กอล์ฟ อันที่จริงผมอยากโทรหามันตั้งแต่ตอนอยู่หัวหินเลยด้วยซํ้า แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่มีโอกาสอีก เพราะช่วงกลางวันยูริเกาะติดผมแจ ส่วนกลางคืนก็ดันนอนห้องเดียวกับปุณณ์ จนไม่รู้จะเอาเวลาไหนปลีกตัวไปโทรได้ ดังนั้นเรื่องจะให้ต่อสายฮอทไลน์ไปปรึกษาไอ้กอล์ฟทันทีนี่เป็นอันต้องพับโครงการไป ส่วนกอล์ฟ คำแรกที่มันพูดหลังฟังเหตุการณ์ทั้งหมด คือเสียงตะโกนว่า "เชี่ยแม่ง!!!!!!!!! มันกล้าจะเอากับมึงเลยเหรอวะ!!!!!!!!!" เออว่ะ ตรงใจที่สุด... ผมก็ไม่เข้าใจว่าเอมกล้าทำแบบนั้นไปได้ยังไง "แม่งต้องคิดว่ายังไงมึงก็เล่นด้วยแน่ ๆ คงไม่คิดว่าจะผิดแผนขนาดนี้ไง" กอล์ฟที่อยู่ปลายสายยังคงพยายามวิเคราะห์เป็นฉาก ๆ แต่ผมช่างแม่งแล้ว เอมจะเป็นอะไร คิดยังไงก็ช่างเขาเหอะ คนเดียวที่ผมเป็น227
ห่วงคือไอ้ปุณณ์... ผมจะทำยังไงกับเรื่องที่ผมเฉยใส่ไม่ได้ดี ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกว่า นี่มันเป็นบ้าอะไรไปหมด ตกลงที่ผมกับปุณณ์เคยร้องไห้กันในวันนั้น เราสองคนทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ปุณณ์กลับไปอยู่กับผู้หญิงพรรค์นั้นน่ะเหรอ แม่งงงง! กอล์ฟบ่นอะไรไม่รู้ให้ผมฟังทางโทรศัพท์อีกสักพัก (ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่หรอก) ก่อนจะวางสายไปโดยทิ้งท้ายว่า มันจะเข้ามาหาผมที่โรงเรียนตอนเย็นวันจันทร์ เพราะวันนั้นเป็นวันคัดวงรอบแรก ที่ผมต้องอยู่ชมรมจนคํ่าพอดี เช้าวันจันทร์ผมมาถึงโรงเรียนด้วยสภาพกะปลกกะเปลี้ย เพราะเมื่อคืนกว่าไอ้ปุณณ์จะขับรถมาส่งหน้าบ้านได้ก็ดึก แถมยังต้องคุยโทรศัพท์กับไอ้กอล์ฟอีก ถกปัญหากันยาวยันตีสองตีสาม จนฟ้าแทบสว่างคาตา (จริง ๆ ไร้สาระไปมากกว่าครึ่ง) "เฮ้ย!! แม่งหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรงเหมือนคนขาดนํ้า ไปหัวหินสามวันรีดออกหมดตัวยังวะ!!" แล้วปากเหรอนั่น ไอ้เชี่ยโอม... ผมโผล่หัวเข้าไปในห้องเรียนเพื่อจะฟังเสียงหมาเห่าหอนของมัน แล้วจะมีวันไหนมั่งมั้ยที่ผมไม่ต้องนึกด่ามัน แน่นอนว่าวันนี้ผมถอยทัพ เพราะไม่มีแรงเหลือจะสู้ เลยต้องชิ่งปาห่อของฝากใส่หน้ามันไปก่อน ไอ้โอมเปลี่ยนจากหน้าตีนเป็นหลังมือทันที "เย๊ดดดดดดดดด มีของฝาก!! เฮ้ยไอ้นี่กูชอบบบ เก่ง!!! มาแดกกัน!!!!!" อื้อหือ.. เหมือนเวลาหมาจะวิ่งเข้ามากัดแล้วเขวี้ยงกระดูกให้มันยังไงยังงั้น ท่าทางไอ้โอมมันดีใจจนหางกระดิก เท่านั้นไม่พอยังเรียกไอ้เก่ง (ที่ยืนโม้อยู่หน้าห้อง) ให้ร่วมขบวนการณ์หางกระดิกดิ๊ก ๆๆ ปรี่มาทางโต๊ะผมอีกคน 228
"เย๊ด ปลาหมึกนี่กูก็ชอบ เจ๋งหวะ ๆๆ" ไอ้เก่งว่าพลางลงมือฉีกซองเปิดซิงปลาหมึกหวานทันที ส่วนผมได้แต่ขำ "เมื่อวันศุกร์มีไรปะวะ ที่กูไม่มา" ผมถามขณะกําลังรื้อเศษกระดาษออกจากกระเป๋าอยู่ "ไม่ค่อยว่ะ มิสพัชรีถามหามึงด้วย แต่กูช่วยบอกมิสว่ามึงโดดเรียนไปหัวหินให้" อ้าวว ไอ้เชี่ยยยยยยยยยย ไอ้เพื่อนทรยศ!!!! ผมหันไปมองหน้า แต่ไอ้โอมยังคงกวนตีนต่อไป "เออ ก็เนี่ย.. แต่ถ้ามึงเอาปลาหมึกหวานไปฝากมิสพัชรีเค้าคงไม่ค่อยโกรธ มึงไม่ต้องขอบใจพวกกูหรอกนะเว้ย" ถึงมึงไม่บอกกูก็ไม่ขอบใจอยู่แล้วแสดดดดดดด "ไอ้สันดาน งั้นปลาหมึกนี้ให้มิสพัชรี มึงไม่ต้องแดก" ริบคืนแม่งงง เก็บไปฝากน้อง ๆ ที่ชมรมยังจะเชื่องซะกว่า แต่พอดึงซองปลาหมึกหวานลงจากโต๊ะปุ๊บ ผมก็ได้ยินเสียงพวกไอ้โอมไอ้เก่งร้องกันระงมเหมือนหมาหงอยปั๊บ "กูล๊อออออเล๊นนนนนนนนนนน กูบอกมิสให้ว่ามึงไม่ฉบายยยย" หืมม.. ไอ้ไข่หมา.. มึงไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวาน กูขนลุก! ผมย่นจมูกใส่พวกมันแล้วปล่อยถุงปลาหมึกหวานให้กินกันต่อตามเดิม "เฮ้ยนี่ ๆๆๆ แล้วมึงเป็นไงมั่งวะหัวหิน... ทริปแรกป่าว ตั้งแต่คบมา" แต่พอล้มตัวนั่งลงอีกรอบ ไอ้เก่งก็เปิดประเด็นใหม่ทันที โดยมีไอ้โอมพยักหน้ารับเป็นกําลังเสริม แม้ปากจะยังคงคาบแผ่นปลาหมึกอยู่อย่างโคตรรรตะกละ (ทั้งคู่) "สำเร็จปะวะ ๆ" เชี่ยแม่งก็พยายามดีเนอะ.. ผมเหล่ตามองพวกมันที่แดกอยู่แต่ก็อยากจะถาม "สำเร็จไรของพวกเมิงง" "เผด็จศึก!" ไอ้โอมตะโกนพลางลุกขึ้นยืน ฟันมือโช๊ะกลางอากาศเหมือนทำยุทธหัตถีอะไรซักอย่าง ซึ่งแน่นอนว่ากูอายคนอื่น ต้องรีบดึงไหล่มันให้นั่งลงมาบนเก้าอี้เหมือนเดิม "พอเลยมึง... เสร็จห่าอะไร กูไม่ได้คิดกับยูริแบบนั้น มึงก็รู้" "เฮ้ย!! แล้วไปนอนอยู่ด้วยกันตั้งสองคืนอะนะ อย่าบอกว่าไม่มีไร!!!!! มึงขันธีปะวะ!!!!!!" แล้วจะตะโกน229
ให้ตำรวจตรงสี่แยกได้ยินเลยมั้ย ไอ้สัด... ผมโบกหัวมันทีนึงพอให้เกิดสำนึก "กูแยกห้องชายหญิงมั่งเหอะ!" หลังได้ฟังคำนั้น ไอ้โอมไอ้เก่งดูท่าเซ็งขึ้นมาทันที.. เป็นเชี่ยไรของมัน "แม่งงงง กูก็นึกว่าจะสองคู่ชู้ชื่น... มึงเสือกไปนอนให้ไอ้ปุณณ์ตุ๋ยเฉยเลย" โหไอ้โอม... น้อย ๆ หน่อยไอ้เชี่ย!!! "ตลกละพวกมึง เป็นห่าไรนักหนา ทำไมล้อกูกะไอ้ปุณณ์นัก" ผมด่าพลางหยิบแผ่นปลาหมึกมากินมั่ง ดูพวกมันทำหน้าครุ่นคิดกันอยู่พักใหญ่ "ก็เพราะว่า..... อยู่ดี ๆ พวกมึงก็สนิทกันแบบ... ผิดปกติ" "ใช่.... ใช้คำว่า 'อยู่ดี ๆ' เลยนะเว้ย!! ไม่มีวี่แววอะ เมื่อก่อนมึงกับมันยังแค่ยิ้มให้กันอยู่เลย เดี๋ยวนี้เจอกันแทบกระโดดใส่" โอ้โห... ไอ้เว่อร์! พวกมึงช่วยลดดีกรีความโอเว่อร์ลงนิดนึงด้วยครับ กูไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่!!! "มึงอย่าใส่ไข่ กูกะมันก็คุยกันปกติ มันช่วยเรื่องตังชมรมนี่หว่า" "แต่ก็เกินไปอยู่ดีว่ะ ช่วยเรื่องตังชมรมก็หน้าที่มันอยู่แล้ว นี่พวกมึงเล่นรวมหัวหายไปไหนให้แฟนโทรตามซะวุ่น เข้าขั้นแปลกว่ะ" ไอ้เชี่ยโอมยังคงวิเคราะห์ได้เป็นฉาก ๆ จนผมปลง... เวลามาสเซอร์ให้โจทย์เลขมา อยากรู้ว่ามึงตีจนแตกงี้มะ? ผมกําลังจะอ้าปากเถียงมันอีกซักคำสองคำซักหน่อย แต่เสียงไอ้คมตะโกนเรียกผมจากหน้าห้องดังขัดขึ้นมาก่อน "ไอ้โน่!!! ปุณณ์เรียก!!!" ชิบหายแล้วไง แม่งเลี้ยงลูกกรอกปะวะ!!? พูดปุ๊บมาปั๊บทำเอาไอ้โอมไอ้เก่งหัวเราะลั่น "เห็นมะ!! กูบอกแล้ว!!! มึงสองคนตัวติดกันยังกะปลิงขี้ควาย เชี่ยแม่ง... มาทีหลังยังเสือกซิวเพื่อนกุไปอีก ร้ายนักนะไอ้ปุณณ์" เสียงไอ้โอมแซวปนบ่นงึมงำ ๆ เหมือนจะน้อยใจ แต่ก็ไม่เห็นมันสนใจ230
อะไรผม เพราะตอนนี้ปลาหมึกข้างหน้าคงน่าคุยด้วยมากกว่า... เหอะ ๆ.. ไอ้โคตรจริงใจ!! แต่เอ๊ะ... เมื่อกี้มันเปรียบผมกับปุณณ์เป็นอะไรควาย ๆ วะ??? ช่างแม่งงงง ผมส่ายหัวพลางเดินลากขาไปหน้าห้องเรียนเพราะปุณณ์เสนอหน้ามากวักมือเรียกผมยิก ๆ เร่งให้ออกไปเร็ว ๆ หน่อย... แต่คือ.. มึงช่วยอย่าแสล๋นนักจะได้มะ เพื่อนกูมองกูกันประหลาดจะแย่อยู่แล้ว "มีไร" ผมถามมันขณะที่เรายืนอยู่หน้าห้องกัน "ตกลงเรื่องคัดวงว่าไงวะ" หืม... ปุณณ์มาเพราะธุระเรื่อง Live Contest ที่สมัครทิ้งไว้นี่เองครับ ผมพยักหน้ารับ แต่เอ... กูเพิ่งโทรบอกไอ้ฟี่ (ประธานนักเรียน และนักร้องนำวงมัน) เรื่องนี้เองไม่ใช่เหรอ "กูบอกฟี่ไปแล้วไง วงมึงคุยกันมั่งปะเนี่ยย" "มึงโทรไปตอนไอ้ฟี่หลับเหอะ มันบอกมันอือ ๆ ออ ๆ รับมึงไปงั้น จริง ๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรอก" เออดี ตัดทิ้งแม่งเลยดีมั้ยวะ วงนี้ -_-" ผมหัวเราะเหอะ ๆ "วันนี้เย็น... ห้องชมรมตึก ฟ." แต่พอยํ้าให้ฟังอีกครั้งชัด ๆ ดันเห็นมันทำตาโตเท่าไข่ห่าน "เฮ้ย!! กะทันหันจังวะ กูไม่ได้เอาอะไรมาเลย!!" อ้าวไอ้ห่านี่.... ก็หัวหน้าวงมึงไม่ฟังกูเองอะ กูผิดป่าววะ! หน้าเหวอ ๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า "เรื่องของเมิ๊งง ไม่มาคัดกูตัดสิทธิ์" นี่ไงครับ... กล้าปะล่ะ ประธานชมรม ขู่วงประธานนักเรียน... หึหึหึ.. เก๋าไม่เก๋าไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ.. เลขาฯสภาหน้าจ๋อย ก๊ากกก "มึงทำกับกูลงเหรอว๊าาา โน่" อ้าวไอ้ห่านี่.. ทำเป็นคอตกสงสัยนึกว่าผมจะสงสาร แล้วมันมาไม้ไหนวะเนี่ย ทำไมผมต้องทำไม่ลง ปุณณ์เงยหน้ามาส่งสายตาประกายปิ๊งๆ เหมือนกับมันดูน่ารักเต็มประดา "คนที่มึงรักเชียวนะ...." อุแห231
วะะะะะะ กูจะอ้วกกกก กูเคยพูดตอนไหนวะ!!!! "มึงเมาปีโป้เหรอ" ผมเถียงกลับ "เออ คนที่รักมึงก็ได้.. แป๊บนะ" มันยอมเปลี่ยนให้ง่าย ๆ แล้วหันไปควักมือถือที่ร้องลั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงอย่างลน ๆ ผมยืนพิงกําแพงรอมัน 'I could be brown, I could be blue, I could be violet sky~' 'ติ๊ด' "หวัดดีครับเอม" อืมมม......... นี่ไงล่ะคนที่มึงรัก แล้วก็คนที่รักมึง........ ผมคิดอย่างเคยชินแต่เดี๋ยวก่อน!! เอมงั้นเหรอ!!!? หน้าผมบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันที... แม่งเอ๊ย แค่ได้ยินชื่อก็โมโหจะตายห่า ผมรู้สึกว่าตัวเองฟึดฟัด แต่ทุกอย่างก็เกิดจากความเป็นห่วงเป็นใยไอ้หน้าหล่อตรงหน้าผมล้วน ๆ ท่าทางผมจะแสดงออกมากไปหน่อยจนปุณณ์ดูออก มันเลิกคิ้วมองหน้าผมที่บึ้งสนิทด้วยความประหลาดใจ อาจเป็นเพราะผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เก่ง ทำให้พอคิดอะไรเลยพาลไหลออกมาทางสีหน้าหมด ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีป้าย 'ไม่พอใจ' แปะหราประจานอยู่กลางหน้าผาก ในขณะที่ปุณณ์เองก็แปะป้าย 'ไม่เข้าใจ' กลับมาเช่นเดียวกัน "ครับเอม... วันนี้ไม่ได้หรอก ผมต้องอยู่คัดวงที่ชมรมดนตรีล่ะ กะทันหันมากเลย" ผมมองปุณณ์ที่กําลังโต้ตอบกับปลายสายไป มองหน้าผมไป พร้อมเลิกคิ้วมาให้เหมือนจะถามว่าผมเป็นอะไร "ครับ... ที่ผมเคยบอกน่ะแหละ..... หืม?.. โน่เหรอ?" มันยังคงคุยต่อ แต่ประโยคเหล่านั้นทำให้รู้ว่าเอมถามถึงผม!? ถามอะไร?? ถามทำไมวะ??? 232
ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันที่ดูงง ๆ กับทั้งสองฝั่ง "โน่ก็อยู่ด้วยสิครับ มันเป็นประธานชมรมนี่ ฮะฮะฮะ........... เอ๋?..." แต่ถึงตรงนี้ปุณณ์ก็กําลังเริ่มขมวดคิ้วเช่นกัน "จะมาทำไมครับ ไม่สนุกหรอก มีแต่เพื่อน ๆ ผมทั้งนั้น" หึหึ... แค่ได้ฟังปุณณ์ตอบแบบนี้ผมก็รู้แล้วว่าปลายสายต้องการอะไร รู้แม้กระทั่งว่าทำไม เอมจึงอยากทำแบบนั้น "ครับ... อืม.... มาถึงแล้วบอกแล้วกัน ผมจะเดินไปรับหน้ารั้ว" เรายืนกันอยู่ซักพัก รอให้ปุณณ์รํ่าลาแฟนเป็นคำสุดท้ายก่อนวางสาย.. ผมมองมันเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่ไม่วายส่งสายตาง้องอนมาทางผมเหมือนคนรู้สึกผิด "โกรธรึเปล่า... เอมจะมา" ถึงตรงนี้ผมงง? เพราะสิ่งที่ปุณณ์คิดมันไม่ใช่ ถ้าปุณณ์คิดว่าผมโกรธเพราะผมหึงหรือหวงปุณณ์ บอกได้เต็มปากเต็มคำว่ามันคิดผิดถนัด ผมไม่เคยอยากเป็นเจ้าของปุณณ์เลยแม้แต่ปลายเล็บ เพราะผมเป็นลูกผู้ชายพอจะรู้ดีว่าอะไรคืออะไร.. ทุกวันนี้ผมพูดได้เต็มปากว่าผมพอใจแล้วกับความสัมพันธ์ของเราสองคนที่เป็นแบบนี้ ผมพอใจที่เรามีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กันโดยไม่ต้องจำกัดคำนิยามใด ๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงมาเจือปนอีก ผมรักสิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้ แต่ผมเกลียดสิ่งที่กําลังจะเป็นต่อจากนี้ ผมทนให้ใครมาทำร้ายคนสำคัญของผมคนหนึ่งไม่ได้ "เปล่า ไม่ได้โกรธอะไรมึง... คิดมาก" อาจเป็นคำตอบที่ดูเหมือนปัด ๆ ไป แต่ผมก็พยายามที่สุดแล้วที่จะไม่ทำให้ปุณณ์ต้องกังวลใจ "โอเคใช่มั้ย? ขอโทษนะ..." ฝ่ามือแกร่งข้างนั้นบีบบนหัวไหล่ผมเบา ๆ เรียกให้ผมรีบพยักหน้ารับกลับไป "เฮ้ย ไม่เป็นไรจริง ๆ เออ กูกลับเข้าไปลอกการบ้านก่อนนะ วันศุกร์ที่หยุดไปงานตรึม" สุดท้ายจึงต้องพึ่งคำโกหกคำโต (เพราะไอ้โอมบอกว่าสบายมาก ไม่มีอะไรซักอย่าง) แต่คงดีกว่ามายืนหน้าบอกบุญไม่รับใส่ปุณณ์อย่างนี้... เดี๋ยวมันจะเข้าใจผิดเปล่า ๆ ว่าผมโกรธมัน "อืม... ขอโทษนะโน่.." ปุณณ์ยังคงยํ้าอีกที ขณะที่ผมพยักหน้ารับถี่ ๆ พร้อมแตะไหล่มันเบา ๆ 233
"ไม่ต้องคิดมาก" ผมทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะขอตัวกลับห้องเรียนไป ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเอมต้องถ่อมาเฝ้าปุณณ์ถึงนี่เพราะอะไร

LOVE SICK :: ชุลมุนกางเกงน้าเงิน EP.29



แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาไม่ถนัดนัก เพราะตอนหกโมงเช้าผมเพิ่งตื่นขึ้นมาปิดก่อนรอบนึง.... อืมม แล้วจะพูดทำไมวะ เรื่องของเรื่องคือละเมอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อกี้นี้แล้วยกนาฬิกาข้อมือดู ปรากฏว่าปาเข้าไปเก้าโมงกว่าแล้วแต่ยังไม่มีใครตื่นซักคน ผมยกข้อมือข้างที่มีนาฬิกาดูพลางขยี้ตานิดหน่อยก่อนจะปล่อยมือวางไว้ตรงที่เดิม ที่ ๆ มีไอ้ปุณณ์นอนทับอยู่ ผมขยับแขนเพราะความเมื่อยเล็กน้อยแล้วก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเห็นใบหน้ายามหลับของปุณณ์ซุกอยู่กับตัวผมท่าทางสบายเป็นที่สุด หมั่นเขี้ยวก็ต้องขอซักทีสิครับ! 'ป๊าบบ' "อืมมมมมมมมมมม.. ตบไมวะ!" มันโวยทั้งที่หน้ายังซุกกับอกผม ก่อนจะขืนตัวมาลูบหัวป้อย ๆ ให้ได้ขำสะใจเล่น "เก้าโมงแล้ว มึงจะนอนให้ถึงวันกลับเลยมะ" แต่ไอ้ปุณณ์ดูท่าทางไม่ตื่นดี มันหลับตาปี๋ขณะฟังผมพูด พลางควานมือหามือถือบนหัวเตียงแต่หาไม่เจอ ผมเลยยื่นข้อมือตัวเองให้มันดูนาฬิกาเป็นหลักฐานแทน "เก้า.... โมงงงงง" ยํ้าอีกทีเผื่อขี้ตาจะอุดจนดูไม่ออก มันขมวดคิ้วมองเข็มนาฬิกาบนหน้าปัดดีเซลเล็กน้อย ก่อนจะคว้ามือผมไปซุกนอนที่แก้มอีกครั้ง "สิบโมงปลุก" "เออ นอนไป กูจะไปหาไรกิน" ไม่ตื่นก็ไม่ง้อวะ! ผมช่างแม่งแล้วลุกขึ้นหมายจะสะบัดมือออกจากแก้มมันให้พ้น แต่ไอ้คนง่วงนอนทำไมแรงเสือกเยอะชิบหาย มันเล่นดึงผมพรวดเดียวลงไปนอนเอ้งเม้งบนเตียงเหมือนเดิมซะฉิบ "ไม่เอา... นอนด้วยกันก่อน สิบโมงค่อยไป" เสียงปุณณ์อู้อี้อยู่กับหมอนและมือผม 219
"ตลก กูหิวมั่งเหอะ" "นอนก่อน" "แดกก่อน" "นอนก่อน" "จะแดก" "นอน...................." เอ๊ะไอ้ห่านี่ ทำไมบังคับจิตใจกันจังวะ!! (แล้วตกลงชีวิตนี้ผมเคยเถียงชนะใครมั่งมั้ย!?) ผมขมวดคิ้วใส่มันแต่ก็เห็นตัวปัญหาหลับตาพริ้ม แถมยักคิ้วกวนตีนกลับมาให้อีกต่างหาก ตกลงมึงตื่นแล้วใช่ปะ... เดี๊ยวพ่อกระทืบไส้แตกคาเตียงซักที! ปากผมขมุบขมิบด่าไป มืออีกข้างหนึ่งที่ว่างก็คว้ารีโมทมากดเปิดทีวีฆ่าเวลาไป ทนอยู่ได้ไม่นาน ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้อง 'โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก' เยี่ยมไปเลยครับพี่น้อง! เพราะหลังจากท้องผมร้องประท้วงเสียงดังยิ่งกว่าเจ้าของแล้ว ปุณณ์ก็ได้ฤกษ์ลืมตาตื่นทันที "มึงหิวขนาดนั้น?" "เออ" สิ้นคำตอบผมปุ๊บ (แม่งอายจะแย่) มันก็ปล่อยหัวเราะก๊ากปั๊บ (ฝากไว้ก่อนนะมึง) ก่อนจะลุกมานั่งบิดขี้เกียจบนเตียง "กินก็กินวะ อาบนํ้าแป๊บ" ปุณณ์สรุปโดยไม่ฟังอะไรก็คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องนํ้าหน้าตาเฉย... เอ๊ะ!? ไอ้ห่านี่.. แม่งตื่นก็ตื่นหลังกูแท้ ๆ เสือกซิวห้องนํ้าไปก่อนซะงั้น! 220
ผมส่ายหัวปลง ๆ กับความกวนตีนของมันแล้วก็เปลี่ยนช่องจากหนังฝรั่งไปดูช่องเก้าการ์ตูนยามเช้าแก้เซ็ง "โน่ครับ" อ้าววว แล้วอยู่ดี ๆ มึงโผล่หัวออกมาอีกทำไม.. ผมหันไปมองหน้าหล่อ ๆ ของปุณณ์ ที่ตอนนี้ดูเจ้าเล่ห์ไม่น้อย "ไรของเมิง" ภาษาระดับเดียวกันเห็น ๆ ครับท่านผู้ชม... ไม่ได้หรอก ผมเป็นคน(หยาบ)เสมอต้นเสมอปลาย สิ่งที่เห็นต่อมาคือไอ้ปุณณ์ยิ้มหวานพลางกวักมือเรียกผมให้ไปหามันหน้าห้องนํ้ายิก แน่นอนว่าผมโคตรขี้เกียจ แต่ไอ้นั่นไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ เลยต้องเดินไปดูซักหน่อยเพราะกลัวมันจะกวักจนมือหัก "มึงเจอนางเงือกในอ่างรึไง" ผมบ่นอุบอิบพลางลากเข้าขาไปหามัน โดยไม่ทันตั้งตัวก็ถูกดึงไปกดจูบลงบนจมูกอย่างแรง เชี่ยแม่งง ฟันก็ไม่แปรง! "morning kiss" มันพูดแค่นั้นแล้วปิดประตูห้องนํ้าปัง! ไปเลย... ไอ้สัดดด หึหึหึ... ผมหุบยิ้มไม่ได้แล้วตอนนี้ หึหึหึ.... หึหึหึ "โน่!!!!! ปุณณ์!!!!!!!!! ตื่นเร้ววววววววววววว กินข้าวกัน ๆๆ" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินผละจากหน้าประตูห้องนํ้าดี เสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกผู้หญิงก็ดังข้ามอีกฝั่งประตูห้องมาเสียก่อน อืมม.. มาได้เวลากันจริง ๆ ผมฟังเสียงยูริใสกิ๊งแต่เช้าแบบนี้ก็อดขำไม่ได้ "ว่าไงสาว ๆ ตื่นเร็วไม่โทรปลุกเลยนะ" เมื่อเปิดประตูห้องออกไป ก็พบทั้งยูริและเอมแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จจนหอมฟุ้งกันแล้ว ทั้งที่ผมยังใส่ชุดนอน(กางเกงบอล)อยู่เลย ยูริมองหน้าผมกลับมาแล้วยิ้มแฉ่ง "โน่ตอนเพิ่งตื่นน่ารักจัง ตาปรือ ปากแดงงงงงง" อื้อหือ... คำชมผู้ชายจริงเหรอนั่น!? ผมรีบสะบัดหัวให้ตาโตกว่านี้ทันที ส่วนปากนั่นไม่รู้จะเอายังไงกับมันดีเหมือนกัน 221
ได้ยินเสียงปุณณ์อาบนํ้าอยู่แป๊บหนึ่งก่อนที่มันจะเปิดประตูออก ยื่นแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันแล้วส่งมาให้ผม "คุยกะคนอื่นอยู่ได้ ฟันก็ไม่แปรง" อ้าวววว แล้วจะให้กูใช้ภาษามือรึไง ผมคิดในใจแต่ก็รับแปรงจากมันแต่โดยดี สาว ๆ นั่งดูการ์ตูนในห้องเราอย่างสนุกสนานอยู่ครู่หนึ่ง รอทั้งผมและปุณณ์จัดการตัวเองเรียบร้อย จึงได้ออกไปหาข้าวเช้าทานกัน แต่คงเรียกว่าข้าวเช้าได้ยาก เพราะดูนาฬิกายังไงก็เฉียดสิบเอ็ดโมงกว่าไปแล้วเห็น ๆ "รอจนเที่ยงค่อยออกมากินข้าวเที่ยงทีเดียวไม่ดีกว่าเร้ออออ" ผมเปรยลอย ๆ แน่นอนว่าไอ้ปุณณ์หันขวับ "ปากดี มึงแหละท้องร้องดังจนกูตื่น" "จริงเหรอโน่!!!!!!!" ประมวลผลไวมากครับยูริ -_-".... คอร์ทูดูโอ้คู่กับไอ้ปุณณ์จริง ๆ เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเอามาประจานกลางวงสาว ๆ เลยโว๊ยยย เราสี่คนเดินเข้าไปในร้านอาหารของรีสอร์ทที่ราคาแพงระยับ แต่ก็ขี้เกียจเซ้าซี้ให้ปุณณ์ขับรถออกไปกินไกล ๆ เพราะแดดร้อนอยู่... อืมม... ถ้าไอ้โอมได้มาอ่านถึงตรงนี้มันคงปรี่เข้ามาโบกหัวผม ด้วยฝังใจว่าคนดีอย่างผมเกรงใจใครไม่เป็น (รักกูจริง ๆ) แต่ที่แน่ ๆ... เรื่องแบบนั้น ยูริกินขาดกว่าเยอะครับ "ปุณณ์.......... อยากกินหนมมม" นั่นไง.. ผมลอบมองเจ้าของเสียงกระง๊องกระแง๊งที่ดังขึ้นทันทีหลังฟาดอาหารเช้าจานโตเสร็จ... ไงล่ะ บอกแล้วว่าคนสำนึกน้อยกว่าผมยังมี ฮ่า ๆ "จะไปกินที่ไหนครับยู ขามาซื้อตุนตั้งเยอะไม่ใช่รึไง" ผมออกปากถามแทนเพราะเกรงใจปุณณ์ (เกรงใจเป็นจริง ๆ ครับ) ก็แดดข้างนอกร้อนจะแย่ แต่ยูริกลับพองลมเข้าแก้มจนแก้มป่อง "หมดแล้ว......" เธอตอบปัดผม พลางเอื้อมมือไปจับแขนปุณณ์อย่างต้องการจะอ้อนต่อ (เอ๊ะ ตกลงนี่แฟนใครวะ) "น๊าาา ปุณณณณ์ ตอนขามายูเห็นมีห้าง ไปซื้อหนมกันน้าาา อยู่รีสอร์ทตอนบ่ายก็ไม่ได้ทำอะไร น๊าาาาา..." ผมแอบขำ เจอแบบนี้ไปเป็นไงล่ะมึง เข้าใจหัวอกกูยัง หึหึ 222
"ไปสิครับ เอมเดินไหวรึเปล่า" เออ แต่ผมเกือบลืมว่าไอ้ปุณณ์มันบ้าจี้ แถมยังชอบทำตัวเป็นคนดีเกินเหตุอีกต่างหาก พอสิ้นคำนั้น ยูริก็หันมายิ้มตาปิดเย้ยผมอย่างผู้ชนะทันที... เอาใจกันเข้าไปเถ๊อะ! "ไม่รู้สิ... เอม.. อยากพัก" แต่เพราะเสียงหญิงสาวข้าง ๆ ปุณณ์ที่อ้อมแอ้มตอบ ส่งผลให้ยูริต้องหน้าหงอย "ว้า....." ถึงคราวผมยักคิ้วเย้ยยูริแล้วตอนนี้ หึหึ อด "แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยูไปกับปุณณ์ก็ได้ เอมจะรออยู่ที่นี่แหละ" เอ.... แต่ผมว่าฟังประโยคนี้ของเอมแล้วมันดูแปลก ๆ ยูริรีบพยักหน้ารับอย่างแข็งขันทันที "งั้นยูไปกับปุณณ์นะ แล้วเอมอยู่กับโน่ที่นี้... โน่ก็ขี้เกียจไปใช่ปะล่ะ?" อ่า.... เอ่อ.... "โอเค ตามนี้... พี่เก็บตัง!" ผมถูกยูริมัดมือชกอีกแล้วครับคุณผู้อ่าน Y____Y *** หลังจากสองคนนั้นขับรถออกไปยังตัวเมือง ก็เหลือเพียงผมกับเอมที่ต้องนั่งจุ้มปุ้กกันอยู่ในห้องสองคน... ผมมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่ห้องผู้หญิงครับ บทสนทนาระหว่างเราไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เน้นเปิดทีวีดูกันมากกว่า ผมเป็นฝ่ายถือรีโมทเปลี่ยนช่องอยู่ปลายเตียง ส่วนเอมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่หัวเตียง.. อันที่จริงแล้วคือความตั้งใจของผมเองที่จะรักษาระยะห่างระหว่างเราสองคน "โน่คบกับยูมานานรึยังคะ" แต่อยู่ดี ๆ เธอก็ถามผมด้วยคำนี้ ทำเอาผมอึ้งไป.... นานยังวะ? "มะ... ไม่รู้สิครับ" 223
"กี่เดือนแล้วล่ะ ถึงปีรึยัง" อืม.... ผมพยายามคิดต่อว่าเรารู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน... คอนเสิร์ตที่คอนแวนต์คราวก่อนราวเดือน มิถุนายน.... แล้วยูริเอาผมไปพูดว่าเป็นแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะนั่น... จำไม่ได้จริง ๆ -_-" "ไม่ถึงหรอกครับ... จำไม่ได้เหมือนกัน แหะ ๆๆ" ผมตอบพลางหัวเราะแก้เก้อ ไม่ได้หันไปมองด้วยซํ้าว่าเอมทำหน้ายังไง "โน่นี่ก็น่ารักเนอะ.. ยูริโชคดีจัง" เอ.......... ผมคิดว่าฟังประโยคนี้แล้วมันรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือเอาไว้ก่อน "เพื่อนผมมันหล่อไม่พอรึไงครับเอม ฮ่า ๆๆ" มาถึงตรงนี้ผมรู้สึกได้ถึงแรงยวบของเตียง ว่ามีคนคลานเข้ามาใกล้จากด้านหลัง "หล่อคนละแบบน่า... โน่ดูหล่อแบบน่ารัก ๆ ดี" คำชมปะวะนั่น...? ผมไม่ค่อยแน่ใจ เพราะรู้แต่ว่า พอหันไปมองก็เห็นเอมกําลังคลานเข้ามาใกล้ จนตัวผมต้องแข็งทื่อ.. แน่นอนว่าผมแกล้งทำเป็นหันหน้ามองทีวีเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ความคิดฟุ้งซ่านปั่นป่วนไปหมด.. คำพูดของกอล์ฟที่เคยบอกว่าเอมเริ่มก่อน วิ่งกลับเข้ามาในหัวผมอีกครั้ง ทั้งที่พยายามลืมแล้วแท้ ๆ เชียว แต่เอมไม่ได้เข้ามาใกล้ผมมากกว่านั้น เธอแค่ผ่านเพื่อลงจากเตียงแล้วเดินไปหยิบที่รวมผมมาเก็บผมยาวสลวยให้ขึ้นไปรวมกันแทน เอมหันมามองหน้าผมยิ้ม ๆ "รู้รึเปล่าว่าตอนโน่มาเล่นคอนเสิร์ตที่โรงเรียนเอมเมื่อกลางปี สาว ๆ กรี๊ดกันมากเลย... เอมก็ชอบ" ผมถอนหายใจพลางพยักหน้ายิ้มรับคำพูดนั้นของเอม เพราะถ้ามองในแง่ดีแล้วเอมก็แค่ชวนผมคุยเท่านั้น ไม่ยุติธรรมเลยหากผมจะระแวงด้วยความคิดอคติ รอยยิ้มเอมสวยจนผมเคลิ้มไปพักหนึ่ง "ถ้ารู้ว่าปุณณ์สนิทกับโน่ เอมก็ชวนไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ แล้ว" "ไม่ดีหรอกครับ เป็นก้างแย่" "ไม่หรอกกก โน่น่ารักขนาดนี้... นี่ ๆๆ มาใส่สร้อยให้เอมหน่อยสิคะ มองไม่เห็นล่ะ" แต่ผมว่าเอมชักจะชมผมว่าน่ารักเกินพอดีละ (เป็นผู้ชายก็ต้องอยากได้ยินคำว่า หล่อ เป็นธรรมดา) ผมคิดอย่างนั้นแต่ก็เดินไปเป็นธุระช่วยใส่สร้อยให้เอม ใช้เวลาแค่แป๊บเดียว ตะขอสร้อยเส้นนั้นก็ถูกเกี่ยวจนเข้าที่ แต่เมื่อมันสำเร็จปุ๊บ เอม224
ก็หันมาขอบคุณปั๊บ โดยไม่ปล่อยให้ผมทันถอยออกไปไหนดี "ขอบคุณค่ะ" เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ใบหน้าเราอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ผมรู้สึกตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว แถมผู้หญิงตรงหน้ายังคลี่ยิ้มหวานเฉียบเหมือนคนไม่ทุกข์ร้อนอะไรอีก สุดท้ายจึงกลายเป็นผมที่งงเอง ว่าตกลงเราควรถอยออกมาแน่หรือเปล่า "ปากโน่แดงจัง... ขอจับหน่อยนะ" เอมยิ้มพลางเอี้ยวตัวมาสัมผัสริมฝีปากผมด้วยปลายนิ้ว ผมมองเข้าไปในดวงตาสวยคู่นั้นที่ดูราวกับท้าทายอะไรบางอย่าง ที่แน่ ๆ ผมไม่เล่นด้วย... "ออกไปเดินเล่นตรงหาดกันมั้ยครับ" ผมเบือนหน้าหนีพลางพยายามชวนเอมให้ออกไปที่อื่น เพราะคงไม่ดีแน่หากเรายังอยู่ด้วยกันสองต่อสอง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็แพ้ทางเอมอยู่ดี ตราบใดที่เธอพูดคำว่า "ไม่อะค่ะ... ยังเจ็บขาอยู่เลย" รอยยิ้มที่ส่งมาทางผมดูเป็นรอยยิ้มของผู้ถือไพ่เหนือกว่า ริมฝีปากอิ่มเคลือบสีชมพูหวานยังขยับพูดกับผมต่อ "ยูริคงเลือกขนมอีกนานแหละ กว่าจะกลับ" "ครับ..." เป็นเพราะทุกอย่างในเวลานั้นล้วนทำเอาผมสับสนไปหมด สติอันรางเลือนของผมกําลังฉายภาพในคลิปวีดีโอนั้นซํ้าไปซํ้ามา จวบจนเบื้องหน้าเมื่อเห็นเอมกําลังถอดเสื้อยืดสีขาวบนตัวเองออก จึงเรียกให้ผมเห็นความจริงเด่นชัดยิ่งกว่าคลิปวีดีโอของกอล์ฟเสียอีก... ผมยืนตะลึงมองภาพนั้นอย่างไม่อยากเชื่อ ตรงหน้าผมคือแฟนเพื่อนที่มีเพียงบราลูกไม้สีขาวบนร่างกาย กับสร้อยคอ "เอมจะทำอะไรครับ..." นี่ไม่ใช่ประโยคคำถามแต่เป็นเหมือนคำพูดเตือนสติผู้หญิงตรงหน้ามากกว่าว่าเธอไม่ควรทำ... แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมา มีเพียงรอยยิ้มท้าทาย 225
"ถ้าโน่ไม่รังเกียจ เอมก็อยากจะเจอกับโน่แบบสองคนบ่อย ๆ" ร่างกายบอบบางนั้นสาวเท้ามาประชิดตัวผม ก่อนจะจับมือผมให้เอื้อมไปด้านหลัง บริเวณตะขอชั้นใน "ได้ไหม..." ผมรู้ดี ว่านี่ไม่ใช่การลองใจเล่น ๆ แบบยูริ.. ผมเป็นผู้ชาย... ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าทั้งล่อแหลมและยั่วยวนพฤติกรรมดิบของผมแค่ไหน กลิ่นกายหอมฟุ้งของเอมแนบเข้ามาจดจ่อชิดอยู่ติดกับตัวผม เช่นเดียวกับผิวขาวเรียบเนียนนั้น ที่หยิบยื่นสัมผัสวาบหวามให้ ทั้งหมดถือเป็นเครื่องมือเย้ายวนชั้นยอดจริง ๆ เอมซุกเข้าพรมริมฝีปากทั่วต้นคอผม เรื่อยเลยมาถึงใบหู ขณะที่แผ่นอกภายใต้เสื้อยืดของผม ก็ถูกรุกรานอย่างหนักเช่นเดียวกัน ในที่สุดร่างกายก็แทบไม่ฟังคำสั่ง เมื่อเสียงเอมที่พรํ่าบอกว่าต้องการผมยังคงดังอยู่ข้างหูไม่ไปไหน ราวกับเธออยากสะกดจิต ซึ่งอาจได้ผล เพราะฝ่ามือร้อนของผมเริ่มป่ายเรื่อยไปทั่วแผ่นหลังบางตรงหน้านั้น จวบจนถึงตะขอเสื้อใน... แต่นี่มันแฟนเพื่อน! แถมเพื่อนคนนั้นคือปุณณ์! ปุณณ์ที่เป็นมากกว่าเพื่อนของผม! "เอม!!!!!!!!!!!!" ผมไม่ปล่อยให้ทุกอย่างบงการความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป เสียงเรียกอันดังทำให้เจ้าของชื่อนั้นสะดุ้งได้นิดหน่อย แต่ก็ยังคงไม่หยุดรุกรานร่างกายผมอยู่ดี "โน่ก็มีอารมณ์แล้วนี่คะ..." 226
"เอมครับ!!!!" ผมใช้ฝ่ามือแข็งดันเอมออกไปจนสุดแขน ถึงแม้จริง ๆ จะไม่อยากทำแบบนั้น เพราะแค่มองสีหน้าก็พอรู้ว่าแรงผู้ชายทำให้เธอเจ็บ แต่ผมเหลือเพียงวิธีเดียวที่จะหักห้ามใจตัวเองจริง ๆ ผมสูดลมหายใจลึกก่อนจะคว้าเอาผ้าเช็ดตัวที่พาดเก้าอี้อยู่มาคลุมร่างเอม "ผมอยู่ห้องข้าง ๆ มีอะไรไปเคาะเรียกได้นะ พักผ่อนเถอะ!" เพราะไม่มีคำพูดใดอยากต่อว่าเธอทั้งนั้น ผมจัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้อยู่ในสภาพเดิม ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดประตูห้องออกไป อันที่จริงแล้ว.. ผมไม่เหลือคำพูดอะไรจะพูดกับเธอ.. คนเดียวที่อยู่ในความคิดตอนนี้คือปุณณ์เท่านั้น เรื่องที่กอล์ฟพูดทั้งหมดเป็นความจริง