วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Love Sick 6th

"โน่!! ตกลงเรื่องค่ากลองเป็นไงวะ!!" โห สุดยอด........ รักผมกันสุดพลัง โผล่หน้ามาห้องชมรมปุ๊บ ถามถึงเงินก่อนเลย "ก็ไม่เป็นไงว่ะ ไม่ตาย แค่บาดเจ็บสาหัส นี่หนีตำรวจมาว่ะ เดี๋ยวกะจะไปกบดานแถว ๆ ภูเก็ต" ผัวะ!! "ไอ้ควาย... ตลกไม่เข้าท่า กูหมายถึง ค่ากลอง ไม่ใช่ ฆ่ากลอง... ระวังนะมึง ไปภูเก็ต เสร็จทุกราย" "นั่นมันเสม็ดพี่..." ถึงตอนนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามุกใครควายมากกว่ากัน... ผมเดินหัวเราะหึหึผ่านตัวพี่นนท์ที่เพิ่งโบกหัวผมมา ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋า(ไอ้ปุณณ์) ลงโซฟาข้างเปียโน แล้วสอดส่ายสายตาหาเจ้าตัวปัญหา ที่ตอนนี้ก้มหน้าหลบสายตาผมวูบ.. แม่งก็รู้ตัวนี่หว่า "ระ.. เราไปเข้าห้องนํ้าก่อนนะ" มันจะหนีครับ... หน็อยยยยแน่ะ!! คิดว่าพ้นเหรออออ "ไม่ต้องเลยไอ้ง่อย!!! มึงทำกูเดือดร้อน!!!!!!" แน่นอนว่าไอ้ห่านี่ไม่ไวไปกว่าผมหรอกครับ ตัวเปี๊ยกแค่นี้น่ะ ผมตะครุบคอเสื้อมันไว้ทันก่อนที่จะหลบหนีสำเร็จ แล้วดำเนินการลากคอมาเสียบประจานกลางห้องชมรม
"ไอ้ห่านี่ไปนั่งหน้าเซ่อวันพิจงบให้พี่อั๋น-วรรณศิลป์ตัดเงินชมรมเรา ทำไงกะมันดี" อะฮ้า.. ดูเหมือนจะมีแนวร่วมแค้นไอ้ง่อยเพิ่มขึ้นตามลำดับแล้วครับ... "ถอดกางเกงออกแล้วเอาเมจิกเขียนช้างน้อยมัน" หูย... เรื่องเหี้ย ๆ อย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความคิดไอ้เป้อ.. มึงจะหวาดเสียวไปหน่อยมั้ง อีกอย่าง กูไม่อยากดูช้างน้อยมัน "ให้มันเต้นไก่ย่างหน้าเสาธงตอนเช้า" อันนี้ก็จะออกแนวสันทนาการบันเทิงใจเกินไป.. "ให้มันทำการบ้านเพื่อนทุกคนในชมรมเป็นเวลา 1 เดือน" ไม่เกี่ยวแล้วแหละ!!!!!!! "เอามันเป็นเบ๊ดีกว่า หลังจากนี้ไปจนกว่าจะหมดเทอม ไอ้ง่อยต้องเป็นเบ๊ชมรมเรา ทำตามทุกอย่างที่ทุกคนสั่ง" อืม..... "โอเคเลย... โอม คบกันมา 11 ปี วันนี้มึงพูดถูกใจกูสุด" ผมหันไปตบบ่าชมมัน มันยิ้มรับคำพูดผมได้แป๊บนึงแล้วก็หุบยิ้มทันที "แล้วเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมากุเป็นไงวะ" "กูครุ่นคิดมาตลอดเลยว่าจะไปขอซื้อตะกร้อต่อจากคนงานก่อสร้าง.. จะได้เอามาครอบปากให้มึง" เรียกเสียงฮาได้ทั่วทั้งห้องชมรม เว้นแต่ไอ้โอมปากหมา ที่โดนผมหลอกด่าไปเมื่อครู่ "ไอ้ควาย... มันคนละอันกัน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง คราวหน้ายูริโทรมากูจะจีบให้เข็ด" "แล้วใครห้ามมึงไม่ให้จีบวะ ขอให้จีบติดนะ" สาธุ... ผมอวยพรส่งให้เลย อย่าหาว่าโง้นงี้ ยูริน่ารักดีก็จริง แต่เรื่องจริงยิ่งกว่านั้นคือ ผมไม่ได้ชอบเธอ "โห๊.. ไอ้ขุนแผน... มีสาวสวยมาก้อร่อก้อติกหน่อยล่ะทำเป็นหยิ่ง เค้าทิ้งไปจะรู้สึก"
"เหอะ... กูน่ะโรมิโอ" "แล้วไม่ไปหานางวันทองรึไง ไหนว่านัดไว้เย็น ๆ" ไอ้สัดนี่ โรมิโอบ้านพ่อมึงสินัดกับวันทอง.. แต่เออว่ะ... พูดแล้วนึกออก ผมบอกว่าจะไปตอนเย็น ๆ ก็จริงอยู่ แต่ในชมรมมันดูไม่มีอะไรให้ผมช่วยเลยนี่หว่า รุ่นน้องตรงหน้ามันรอซ้อม marching band สำหรับงานบอลก็จริง แต่โต้โผงานนี้เป็นไอ้ฟิล์ม(รัฐธรรมนูญ) ไม่ใช่ผม "เออ จะไปละ... สรุปว่าเรื่องเงินชมรมอีกสองหมื่นกูไปคุยกับสภาฯแล้วนะ เดี๋ยวทางนั้นเขาจะจัดการให้ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง.... มั้ง" ผมพูดพลางจะหันหลังกลับ แต่เสียงเห่าหอนของไอ้โอมยังคงดังไม่หยุดปาก "แหง๋ล่ะสิ โน่ลงทุนไปขายตูดให้ไอ้ปุณณ์นี่หว่า.." ใครแมร่งเหยียบหางไอ้ห่านี่วะ...หอนจัง.. กุเพิ่งพูดอยู่แหมบ ๆ ว่าอยากเอาตะกร้อครอบปาก หลังจากวันนี้ไปคงต้องหามาครอบจริง ๆ แล้วล่ะมั้ง.. ผมคิดไปพลางหันซ้ายขวาหาที่มัดปากชั่ว ๆ ของมันไป "จริงเหรอฮะพี่โน่!!!!!!!!?!!" "เชื่อมันก็ออกลูกเป็นจามรีแล้วล่ะครับ น็อต.. เออ สรุปว่าจัดการเรื่องเงินให้แล้วนะ วันนี้ไม่มีอะไร ทุกคนนั่งรอไอ้ฟิล์มไป กูขอกลับก่อนล่ะ ไอ้ง่อย!! มึงอยู่ปิดห้องด้วย ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยหรือของหาย มึงตายย!!" ผมสั่งแกมขู่มันเอาไว้ เห็นหน้าขาว ๆ นั่นเหงื่อแตกซีดแล้วไม่วายขำ โกรธมันก็จริงอยู่ แต่เรื่องของเรื่องคืออยากแกล้งแม่งมากกว่า "เออ บาย เจอกันพรุ่งนี้" หลังจากรํ่าลากับทุกคนเสร็จ ผมก็มุ่งหน้าออกไปยังประตูโรงเรียนทันที *** จริงอยู่ที่ว่าผมไม่ได้ออกจากโรงเรียนเย็นเท่าที่โม้กับยูริไว้ แต่กว่าจะฝ่ากำแพงรถติดหน้าถนนเจริญกรุง
(หลับไปแล้วเป็นสิบตื่น) รอดออกมาลัดเลาะในเมืองหลวงจนถึงสยามได้นี่ก็หนักหนาเอาการเลยทีเดียว กระทั่งเวลาฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ๆ ที่รถแท็กซี่คันโทนแดงแรงฤทธิ์ของผมจอดหน้าลานเซ็นเตอร์พ้อยท์อย่างนิ่มนวลประทับใจ ผมงก ๆ เงิ่น ๆ ควักแบงค์สีเดียวกับรถจ่ายก่อนจะเดินลากขาตามทางผู้คนพลุกพล่านผ่านหน้าจอ screen shake ขนาดใหญ่ ว่าแต่.... มันไม่ยังเย็นเท่าไหร่เลยว่ะ.. โผล่ไปตอนนี้ยูริจะคิดเอาเองรึเปล่า ว่าผมรีบออกมาหาเธอด้วยเพราะมีใจปฏิพัทธ์เนี่ยยยยยย!! แต่ก็ช่างเหอะ.. ถ่อมาถึงแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ไอ้จะให้ไปเดินเที่ยวช้อปปิ้งในซอยสยามนี่ก็ไม่ใช่วิสัยผมซะด้วย รีบ ๆ ไปหาจะได้รีบ ๆ กลับไปนอนเล่นเกมดีกว่า คิดได้เช่นนั้นผมก็พาตัวเองมุ่งหน้าไปยังร้านบ้านหญิงทันที เสียงพนักงานต้อนรับขานเจื้อยแจ้วทักทายผมที่เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเสนอบริการหาที่นั่งให้เสร็จสรรพ... อืมม บริการดีเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้คนที่ผมนัดไว้คงนั่งหัวเราะร่าอยู่บนชั้นสองของตัวร้านเรียบร้อยแล้ว "ไม่เป็นไรครับ นัดเพื่อนไว้" ผมตอบพวกพี่เขาสั้น ๆ พร้อมผงกหัวแค่นั้นก่อนจะปลีกตัวขึ้นชั้นสองของร้านไป.. แน่นอนว่าโต๊ะของยูริหาไม่ยากเลย ในเมื่อเป็นกลุ่มหญิงล้วน ต่อโต๊ะยาวซะขนาดนั้น แล้วนั่นแห่กันมาทั้งโรงเรียนเลยเหรอครับเนี่ย!! "โน่!!! มาเร็วจัง!" วันทอง เอ๊ย! ยูริเห็นผมทันทีที่ปรากฏตัวบนชั้นสอง ตาไวจริง ๆ พับผ่า!! ผมผงะไปชั่วครู่ก่อนจะเกิดความลังเลว่าควรเข้าไปแจมโต๊ะหญิงล้วนขนาด 20 คนโต๊ะนี้ดีหรือไม่
"อ้าวโน่.............." แต่เดี๋ยวก่อนนะ... เสียงนี้คุ้น ๆ ว่ะ...... ไม่ใช่เสียงผู้หญิงซะด้วย... แล้วถ้าความจำผมไม่ผิด มันคือ............... "เฮ้ย!!!!!" โผล่มาอยู่นี่ได้ไงวะ!!!!!!!!!!!!!!? "มาด้วยก็ไม่บอก จะได้ออกมาพร้อมกัน" ยังมีหน้ามาพูด.. แค่เจอมึงนอนอยู่ข้าง ๆ ทั้งคืนกุก็เซ็งจะตาย Ha อยู่แล้ว ยังต้องมาเจอแม่งหลังเลิกเรียนอีกเหรอวะเนี่ยยยย!! ชาติที่แล้วกูกับมึงไปทำบุญร่วมกันมาที่วัดไหน กูจะได้ไปอธิษฐานล้างซวยถูก ผมโวยวายในใจไป มองหน้าไอ้ปุณณ์ไปอย่างบรรยายไม่ถูก.... ว่ากำลังทำหน้าตกใจ หรือเซ็ง หรือเบื่อ ไม่น่าลืมเล๊ยยยว่ายูริกับเอมเขาเป็นเพื่อนกัน ถ้าลองนัดกลุ่มใหญ่ขนาดนี้แล้วจะเจอไอ้ปุณณ์พ่วงมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก "โน่มานี่สิ ยูสั่งมันเบรคแตกที่โน่ชอบไว้ให้ด้วยนะ" เสียงยูริเจื้อยแจ้วมาจากหัวโต๊ะเบื้องหน้าผม เรียกให้มองใบหน้าขาว ๆ นั้นที่ฉีกยิ้มให้ผมอยู่ มองยิ้มกลับไปพลางคิดว่าถ้าต้องไปนั่งตรงนั้น สงสัยจะเซ็งยิ่งกว่า.. คิดได้ดังนั้นผมก็เบียดตัวเองลงนั่งข้างปุณณ์ทันที "อ้าว???" มันส่งเสียงร้องเบา ๆ อย่างฉงน "เออน่ะ.. ขอนั่งด้วย ตรงนั้นน่ากลัว" ผมกระซิบตอบพร้อมพยักเพยิดไปทางหัวโต๊ะที่ยูรินั่งอยู่ ตรงนั้นมีเพื่อนผู้หญิงรายล้อมนับสิบ จนไอ้ปุณณ์ต้องหัวเราะร่วน ราวกับกำลังชอบอกชอบใจ "ฮะฮะฮะ.. ตอนแรกผมก็กลัวว่ะ ดีใจนะเนี่ยที่ได้โน่มาเป็นพวก" มันได้ทีพูดเสียงใส เห๊อะ! ไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ กรูไม่มานั่งอิงแอบแนบชิดกะเมิงให้เสียวตรูดหรอกโว๊ยย "ปุณณ์กับโน่สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย?" เออ ผมเกือบลืมไปเลยว่าปุณณ์มันมากับแฟนมัน จนสำเนียงรื่นหูของเอมดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละถึงได้นึกออก เอ.. ตูนี่ก็มานั่งเบียดแฟนชาวบ้านเขาอยู่ได้ แย่จริง "เฮ้ย!! ลืมไปว่ามากะแฟน งั้นเราเฟดดีกว่า โทษทีว่ะ" ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นของเอม(ไม่รู้จะตอบไงว๊ะ)
แต่หันไปผงกหัวปลก ๆ ให้ปุณณ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมทำใจไปนั่งข้างยูริที่กวักมือชวนผมยิก ๆ แล้วก็คงเดินไปถึงนั่น นั่งกินมันเบรคแตกสบายไปแล้ว.... ถ้าไอ้ปุณณ์ไม่ได้คว้าข้อมือผมเอาไว้ซะก่อน "เฮ้ย!! คิดมากไรวะ นั่งนี่ก็ได้ถ้าอึดอัด" ปุณณ์ไม่รั้งผมไว้เปล่า ยังฉุดให้ล้มลงมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับมันแบบเดิมอีก แน่นอนว่าหน้าผมเหวอแดก ขณะที่ยูริที่กวักมือเก้อ แถมเริ่มขมวดคิ้วทำท่าจะงอน ... เฮ้ย ๆๆ ไม่ง้อนะ บอกไว้ก่อน "เมื่อคืน เพื่อนที่ปุณณ์บอกว่ามาค้างที่บ้านคือโน่เองเหรอคะ?" เสียงหวาน ๆ ของเอมยังคงป้อนคำถามให้ผมต่อ ทำเอาผมอึกอัก พูดลำบาก เหมือนมีตระกร้อครอบปากไอ้โอมมาครอบปากผมเลยว่ะ.... เอ่อ... จะตอบว่าไงดี... มันจะดูแปลก ๆ รึเปล่าถ้าพูดไปตามจริง... ผมชักระแวงใจตะหงิด ๆ "อื้อ นี่ไง ยังใส่เสื้อผมอยู่เลย เห็นป่าว" แต่คนที่ชิงตอบเป็นไอ้ปุณณ์ซะงั้น!!! ไม่พูดเปล่าแล้วยังเอามือมาทาบ ๆ เลขประจำตัวบนเสื้อผมให้เอมดูอีก!! นี่มึงไม่กลัวแฟนสงสัยเลยรึไงวะ!!! ถ้าใครรู้ว่ากูไปนอนบ้านมึงในฐานะอะไรล่ะก็.... โอ่ยยยย รู้ถึงไหน อายไปถึงนั่น ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเหวอให้ไอ้ปุณณ์โชว์เสื้อนักเรียนที่ผมใส่ว่าเป็นของมันอยู่ เสียงคนเดินด้วยรองเท้านักเรียนก็ดังเข้ามาประชิดตัวผมอีกแรงอย่างไม่ยอมแพ้ "โน่ใจร้ายจัง... ไม่ยอมไปนั่งกับยู" วันไหนว่างกูจะหาเวลาไปทำสังฆทานซักที... ผมคิดพลางเกาหัวแกรก ที่โดนเพื่อนตัวเองกวนตีนไม่พอ ยูริยังจะมายืนยิ้มเผล่อยู่ข้างหลังผมอีก (เอาไงกะกูวะ!!) ถ้าโดดนํ้าในแก้วแล้วว่ายออกไปโผล่มหาสมุทรอินเดียได้ตอนนี้ ผมคงทำว่ะ "เอ่อ.... ก็ยูมีเพื่อนนั่งด้วยเยอะแล้วนี่ โน่ไม่กวนดีกว่า" "ใครบอกว่ากวนล่ะ ยูอยากนั่งกับโน่นะ ไม่ได้เจอกันตั้งเป็นอาทิตย์ หรือถ้างั้น ยูมานั่งตรงนี้ก็ได้นะ โน่จะ
ได้นั่งกับปุณณ์ด้วยไง ดีไหม" อุตส่าห์ถามว่า ดีไหม.. แต่ไม่เห็นหยุดฟังคำตอบ.... เธอวิ่งกลับไปลากเก้าอี้มานั่งข้างผมแล้วครับ T___T เอาเข้าไป ชีวิตกรู... "ผมเพิ่งรู้ว่าโน่คบกับยูริอยู่" ปุณณ์กระซิบเบา ๆ ระหว่างที่ยูริกำลังเดินหาเก้าอี้ว่างเพื่อจะมานั่งกับผม จนผมได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ให้กับประโยคนั้นของมันแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า... ขี้เกียจอธิบายยาว เรื่องของเรื่องก็คือ เดี๋ยวฝ่ายหญิงเขาจะดูไม่ดีนั่นเอง "มาแล้ว ๆๆ นี่!! ไปนั่งเบียดปุณณ์อยู่ทำไม มานั่งกับยูสิ สงสารปุณณ์เค้า เมื่อยแย่" ยูริที่ได้เก้าอี้วิ่งร่ามานั่งข้าง ๆ พวกผมพลางเอ็ดผมใหญ่ แถมยังตีไหล่อีกแน่ะ (อูยย เจ็บ)... ว่าแต่ให้ไปนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับยูริแบบนั้นนี่จะดีกว่าจริงเหรอ -_-" "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้เมื่อยอะไร" โห๊.. ไอ้ปุณณ์ ทำเป็นแมน ผมเหล่ตามองพ่อพระเอกตลอดกาลอย่างหมั่นไส้ (ทั้งที่เค้าอุตส่าห์ให้นั่งด้วยแท้ ๆ) "ไม่ได้หรอกปุณณ์ โน่มานั่งนี่เร็ว ๆ" แต่อย่าฝันว่ายูริจะยอมแพ้.. เฮ้อ... อยากทำอะไรก็เชิญ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเชือกที่เขาใช้ชักเย่อ ยื้อไปทางโน้นที ทางนี้ที สุดท้ายทำได้แค่ถอนหายใจปลง ๆ แล้วย้ายตัวเองไปนั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับยูริ ท่าทางเธอมีความสุขยิ้มร่าดีนะครับ (แต่ปกติเธอก็ยิ้มเก่งอยู่แล้ว) กุลีกุจอหาสารพัดของกินที่สั่งมาประเคนให้ผมใหญ่ "ยี้.... หมั่นไส้คนมีความรักมากเลยอะ สวีทกันไม่เห็นใจเพื่อนโสด ๆ อย่างพวกฉันเลยนะยะยู" แว่วเสียงเพื่อนสาวของยูริแซวกันระงมจนผมเหงื่อตก แต่ดูท่าทางยูริจะมีความสุขดีที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เพราะเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนแก้มแทบปริ "ก็หาแฟนมั่งสิ" เอ้า... ไปตอบเพื่อนแบบนั้นทำไมล่ะครับ!... ว่าแต่ผมต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย T____T ***
เป็นเวลานาน กว่าที่พลพรรคสาว ๆ ขโยงใหญ่จะทั้งกินและเม้ากันจนสะใจ พระอาทิตย์ก็ตกดินไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมมองซากอารยธรรมที่เหลืออยู่บนโต๊ะยาวของพวกเธอแล้วก็ต้องกลืนนํ้าลายอย่างเหลือเชื่อ กระเพาะผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริง ๆ... -_-" ขนาดว่าบริกรมาเก็บจานออกไปบ้างแล้วนะเนี่ย เราเดินออกจากร้าน ลัดเลาะไปตามแหล่งช้อปปิ้งของสยามที่เปิดไฟสว่าง มาจนถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงหนังสยาม รอส่งสาว ๆ ให้กลับบ้านที่อยู่ทางช่วงถนนพญาไท "ยูริจะกลับยังไงล่ะ ดึกแล้ว" ผมถามไปเป็นมารยาทตามประสาแฟน(?)ที่ดีควรจะถาม จนเธอหันมายิ้มหวานอวดเขี้ยวน่ารักให้ผมด้วยดวงตาปิติ "โน่จะไปส่งยูเหรอ?" เอ่อ.................... เอางั้น.. ? แต่ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ยูริไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นหรอก เธอหัวเราะหลังจากที่พูดจบประโยคทันที "ล้อเล่นน่ะ! ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยูริกลับแท็กซี่กับเมย์ แล้วเจอกันใหม่วันหลังนะ" ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจไปนิดหน่อย ไม่ใช่โล่งที่ไม่ต้องไปส่งยูรินะครับ แต่ผมโล่งใจที่มีคนกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอต่างหาก "ถึงบ้านแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะครับ" ผมเองก็ไม่ใช่แฟนที่แย่นักหรอกน่า... ^_^ หลังจากที่รํ่าลากับยูริและเพื่อน ๆ จนส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ไปเรียบร้อยแล้ว (ไม่ลืมจะถ่ายรูปทะเบียนรถแท็กซี่ไว้ในมือถือ) ก็ถึงตาผมบ้างล่ะที่จะกลับบ้าน แต่แค่หันหลังมายังไม่ทันจะก้าวขาไปไหน ก็เสือกประจัญหน้ากับไอ้ตัวป่วนชีวิตผมในช่วงหลัง ๆ มานี้เสียก่อน "เฮ้ย!!!!!?" มึงหล่อขนาดไหน แต่ดึก ๆ ดื่น ๆ มายืนเงียบ ๆ ข้างหลังกูก็นึกว่าผีเหมือนกันนะโว๊ย!!!!!! อู่ย... เง็กเซียนฮ่องเต้ช่วยข้าน้อยด้วย ขวัญเอ๊ยขวัญมา...
แน่นอนว่าผมร้องเสียงหลงที่หันกลับมาเจอหน้ามันรออยู่ แต่สิ่งที่น่าระแวงยิ่งกว่านั้นคือการปล่อยให้มันมายืนซ้อนหลังนาน ๆ... อู่ยยย ไม่ปลอดภัยแน่ ๆ รีบหันหน้าไปคุยกับมันดี ๆ ดีกว่า "โน่เป็นแฟนที่ดียิ่งกว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย" มันพูดทั้งรอยยิ้มทะเล้น แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกด่าปะแล่ม "หมายความว่าไง" "เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้น หมายความว่า โน่ก็ดูแลยูริดีเหมือนกันนะ นึกว่าจะใจร้ายกว่านี้ซะอีก" นี่มึงแก้ตัวแล้วเหรอวะ -_-".. "เป็นผู้ชายก็ต้องดูแลเขาหน่อยสิ.. นึกว่าปุณณ์จะไปส่งเอมซะอีกนะ" ผมพูดพลางเดินไปด้วยเพื่อขึ้นบันไดเลื่อน ข้ามฝั่งไปยังป้ายรถเมล์หน้าสยามเซ็นเตอร์ แน่นอนว่าปุณณ์เดินตามผมติด ๆ เพราะจะว่าไปบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน อย่ามาเดินอยู่ข้างหลังกูได้ไม๊เนี่ยยยย เข้าใจไหมว่ากูรู้สึกแปลก แปลกกก "ปกติก็ไปส่งนั่นล่ะ แต่วันนี้ต้องพาโน่ไปที่บ้านนี่" มึงพูดอะไรนะ!!!!!!!!!? "เฮ้ย!!!!!!! ให้ไปทำไมอีกวะ!!!!!!!!!!!!" กูเป็นแฟน(ในนาม)แต่ไม่ได้แต่งเข้าบ้านมึงนะโว๊ย!! จะให้ไปอยู่กินด้วยเลยรึไง!!!!!! "อ้าว.... แล้วโน่ไม่เอามอไซค์ที่จอดทิ้งไว้บ้านผมเหรอ" เออว่ะ.............. เกือบลืม อะไรวะเนี่ย วันนี้ผมเบลอจริง ๆ "เออว่ะ.. เอา ๆๆ แล้วแป้งอยู่บ้านปะ" ต้องถามถึงตัวปัญหาก่อนเลยเป็นดีที่สุดครับ
"ไม่อยู่บ้านจะให้อยู่ไหนล่ะ ฮะฮะ" มันตอบผมกลั้วหัวเราะเหมือนผมถามคำถามโง่ ๆ... แต่คำถามของผมมันก็โง่จริง ๆ นั่นแหละ ว่าแต่.. หลังจากเป็นกับแฟนยูริ ก็ต้องไปเป็นแฟนไอ้ปุณณ์ต่ออีกเหรอวะ!!! ชีวิตผมจะมีอิสระบ้างไหมเนี่ย!!!!!!!!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น