วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Love Sick 5th – Just let it Flow

ผมโผล่หัวไปโรงเรียนในตอนเช้าด้วยสภาพสะบักสะบอม.. เอ่อ..... อย่าเพิ่งคิดลึกไปถึงไหนต่อไหนล่ะ... แม้ว่าผมจะแทบไม่ได้นอนทั้งคืนตามที่พวกคุณแอบคิดอยู่ก็เถอะ -_-" แต่ไม่ได้มีเรื่องผิดผีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน สาบาน!!
ก็จะให้ผมนอนหลับเข้าไปได้ยังไงล่ะครับ!! กับไอ้ปุณณ์เนี่ย ถึงจะพอรู้จักกันบ้างก็จริงอยู่ แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอก ว่าเราไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ (อันที่จริงคือไม่สนิทเลยยยย ผ่านมาผ่านไปโคตร ๆ) ดังนั้นไอ้เรื่องจะให้อยู่ดี ๆ มานอนร่วมเตียงกันสองต่อสอง แถมยังในบ้านของมัน ที่ผมเคยแต่เข้ามาอย่างมากสุด ๆ ก็แค่สนามหญ้า (เมื่อสองปีก่อน) นั่นน่ะ.. อยู่ดี ๆ จะให้มาอัพเลเวลค้างอ้างแรมกับมันในห้องนอนสองต่อสองเลยนี่มันก็เร็วเกินไป แถมเรื่องทั้งหมดยังกิดขึ้นภายในเวลาแค่วันเดียวนี่ก็อีก ผมเตรียมใจไม่ทันว่ะ แต่จริง ๆ จะให้นอนก็นอนได้นะ ไม่มีคิดมากอยู่แล้ว.. ผมอาบนํ้า เปลี่ยนชุดนอนของมันเสร็จสรรพ (ทั้งที่ปกติผมใส่เสื้อกล้ามนอน แต่วันนี้มิดชิดหน่อยดีกว่า เพื่อความปลอดภัย) เรานั่งคุยกันพอเป็นพิธีนิดหน่อย ตอนแรกว่าจะเล่นเครื่อง XBOX360 สุดไฮโซของมันตามที่ถูกชวน แต่เอาเข้าจริง ๆ ดันไม่ค่อยมีอารมณ์ ในที่สุดปุณณ์ก็เป็นฝ่ายปิดไฟนอนอย่างว่าง่าย เคราะห์ดีที่บ้านมันรวย เตียงมันเลยใหญ่ นอนกลิ้งกันสองคนนี่นอนได้สบาย สามคนสี่คนก็ยังไหวนะ เอ้า! แต่ไม่รู้ชาติที่แล้วผมกรรมหนักอะไรนักหนา.... น้องแป้งเสือกเปิดประตูผลัวะ! เข้ามา!? ไอ้ปุณณ์เลยรีบคว้าตัวผม (ที่นอนอยู่ไกลโพ้นอีกฝั่งเตียง แถมมีหมอนข้างกั้นอาณาเขตอีกต่างหาก) ที่ทำท่าจะหลับอยู่มะรอมมะร่อแล้ว.. เข้าไปกอด มันกอดผม!!!!!!!! เรื่องจริงไม่ได้โม้!!! แม่งเอ๊ยยยย!!
ผมดิ้นสุดชีวิตก็แล้ว ผลักมันออกก็แล้ว แต่สู้แรงมันไม่ไหวจริง ๆ แขนไอ้ห่านี่แม่งแรงเยอะชะมัด! เห็นผอม ๆ อยู่แต่ดูถูกไม่ได้ อีกอย่าง มันอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าผมมากครับ ทำเอาผมได้แค่ดิ้นพราด ๆ อย่างขัดใจอยู่ในแขนมัน "แป๊บเดียว ๆ" มันกระซิบปลอบใจผมให้หยุดดิ้น ก่อนจะทำท่าเหมือนคนเพิ่งตื่น ชะโงกหัวไปมองน้องสาวที่ยืนหน้าเอ๋ออยู่ตรงประตู เพราะเพิ่งเดินเข้ามาเจอพี่ชายนอนกอดกับแฟนตัวเองกลม (ดูดี ๆ สิวะ กูขัดขืนอยู่!!) "มีอะไรคะแป้ง?" ไอ้พี่น้องคู่นี้รีบ ๆ คุย รีบ ๆ ไปซักทีสิโว๊ยยยยยยยยย!!! "แป้ง... เอาผ้าห่มมาให้เพิ่ม... กลัวพี่โน่หนาว.." น้องมันทำท่าอึ้งรับประทาน ปนกับแลดูมีความสุขเล็กน้อยครับ... โอ้ ไม่... น้องแป้งครับ.. น้องแป้งคิดอะไรรรรรรรรรรรรรรรร "ไม่เป็นไรหรอกค่ะแป้ง" ผมได้ยินเสียงปุณณ์ตอบน้องแบบนั้น พร้อมกับรู้สึกได้ว่ามันกระชับกอดผมแน่นขึ้นไปอีก แน่นอนว่าผมแกล้งหลับตายแบบไม่รับรู้เรื่องราวอะไรบนโลกนี้อีกแล้ว "พี่โน่เขาไม่หนาวหรอก" ไม่ต้องลืมตาผมก็รู้ว่าไอ้ปุณณ์ทำหน้าแบบไหนอยู่ แล้วก็รู้ด้วยว่าน้องแป้งกำลังมีสีหน้ายังไง โอ๊ยยย ไอ้พี่น้องบ้านนี่มันช่างขยันสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจริงโว๊ยย!! "อ๋อ.. แป้งลืมไป... ฮิฮิ... งั้นแป้งไม่กวนละ จะล็อคห้องให้นะ" 'กริ๊ก'
21
แล้วคืนนั้น เราสองคนก็แยกย้ายกันนอน ต่างคนต่างไม่ห่มผ้า (เพื่อความเท่าเทียม เพราะผ้าห่มมีอยู่ผืนเดียว) ยังดีที่ปุณณ์ปรับแอร์เป็น 25 องศา ให้ห้องไม่หนาวจัด แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็นอนไม่ค่อยจะหลับเลยจริง ๆ *** ตัดกลับมาที่เวลาปัจจุบัน.. ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเรียนก้าวขาเข้ามา ก็ถูกรุมมองด้วยสายตาแปลก ๆ อะไร.. ไม่เคยเห็นโดมรึไง!? "มีไร.. มองไม" ผมถามกลับห้วน ๆ พลางเหวี่ยงกระเป๋านักเรียน (ของปุณณ์) ลงจอดบนโต๊ะเรียนตัวประจำ โดยพยายามสบสายตาเพื่อนฝูงให้น้อยยย ที่สุด เนื่องจากกลัวมันจะผิดสังเกต (ลืมไปว่าแบบนี่นี้แหละ ผิดหนัก) "มึงไปเอาชุดนักเรียนใครมาใส่" นั่น..... ไอ้เก่ง แม่งรู้ได้ไงวะ!!!! เก่งสมชื่อจริง ๆ "ไรของเมิงงง" แต่ถ้าคิดว่าจะยอมแพ้ง่าย ๆ ก็ไม่ใช่โน่แล้วครับ!! ถูกผิดไม่สน กูขอเถียงไว้ก่อน แต่ที่ไม่มองตาแบบนี้ ไม่รู้มันจะเชื่อผมรึป่าว "มึงนั่นแหละ ปฏิเสธทำไม เห็นอยู่ทนโท่ว่าไอ้ชุดนี้ไม่ใช่ของมึง รหัสนักเรียนก็ไม่ใช่ ไซส์หลวมโพรกอย่างนี้ก็ไม่ใช่ นอกจากมึงจะตัวหดลงได้ภายในเวลา 1 คืนอะนะ" ช่างสังเกตจังวุ๊ย! "อีกอย่าง... มึงไม่ได้ใช้จาคอปรุ่นนี้ แล้วกระเป๋ามึงของแท้ต้องมีสติ๊กเกอร์เสี่ยว ๆ แปะอยู่" วิเคราะห์ได้เป็นฉาก ๆ เลยวะ!!!? "สรุป.... มึงไปนอนบ้านใครมา เมื่อคืนกูดอทเอรอมึงมาเล่นด้วยทั้งคืน" ตกลงว่าเรื่องของเรื่องคือมึงรู้
ตั้งแต่ก่อนเห็นกูแล้วว่างั้นเหอะ!! ไอ้สาดด ทำเป็นพูดดี... ผมถอนหายใจหน่ายกับท่าทีเค้นความจริงของไอ้เก่ง ที่มีโอมพยักหน้าเป็นกำลังเสริม "เออ เมื่อคืนกูไม่ได้กลับบ้าน" "วะ วะ วะ ว๊าวววววว... จิ๊กกริ๊วกะสาวที่ไหนวะ!!" เชี่ยโอม ไอ้หมาเจาะปากมาเกิด ถ้าเมื่อคืนกูได้ไปจิ๊กกริ๊วกะสาว กูจะไม่ทำหน้าเซ็งอย่างนี้เลยโว๊ยย "สาวเหี้ยที่ไหนล่ะ กูติดแหง็กอยู่กะไอ้ปุณณ์ห้อง 1 ทั้งคืน" เท่านั้นแหละ คนที่ถอยเก้าอี้ออกไปไกลโพ้นคือไอ้โอม ส่วนไอ้เก่งปรี่เข้ามายกแขน ลูบหลัง ผมดูเป็นการใหญ่ "ในที่สุดมึงก็เสร็จผู้ชายจนได้สินะ... กูว่าแล้ว... ไหนวะ ครั้งแรกเจ็บรึเปล่า ได้ข่าวว่าของไอ้ปุณณ์มันใหญ่ด้วย" เรื่องเหี้ย ๆ น่ะไวนะมึง สัดเก่ง!!!!!!!!!!!!! ว่าแต่ของไอ้ปุณณ์มันใหญ่จริงเหรอวะ?.. เห้ย ไม่ใช่! "บ้านป๊ามึงสิ!!! กุมีธุระกับมันเฉย ๆ แล้วบังเอิญว่าดึกแล้ว กุเลยต้องนอนค้างบ้านมัน ไม่มีอะไรโว๊ยย!!" พออธิบายถึงตรงนี้ ไอ้โอมถึงได้ยอมเดินกลับมานั่งใกล้ ๆ ผมตามเดิมครับ.. ไอ้เวรนี่นิ่ จริง ๆ เล้ย "มึงไปสนิทกับปุณณ์ตั้งแต่ตอนไหนวะ กูนึกว่ารู้จักกันแต่ห่าง ๆ" "ก็ไอ้เหี้ยง่อยแหละตัวดี ทำให้กูต้องไปสนิทกับมัน... เออ กูจัดการเรื่องงบชมรมอีก 2 หมื่น ให้ได้แล้วนะ" "อย่าบอกว่ามึงไปขายตูดให้ไอ้ปุณณ์!?" ผวัะ!!! ตบเกรียนมันเจ็บมือ แต่ก็ขอตบแม่งซักทีเหอะครับ.. ไม่ไหวแล้ว.. ไอ้เชี่ยโอม! "โอ๊ย!! ตบไมวะ!!!!" ยัง... ยังมีหน้ามาถาม.....
"กุเห็นหมามันแกว่งตีนออกจากปากมึงอยู่เหมือนขาดอากาศหายใจ เลยตบให้อิสรภาพกะมันซะมั่ง เรื่องเหี้ย ๆ ล่ะคิดได้ สาดด" ผมก่นคำด่าพลางมองนาฬิกาข้อมือพลาง เห็นแล้วขัดใจเป็นชิบหาย! ปัดโธ่เว๊ย!!! นี่อีกตั้งหลายนาทีกว่าจะถึงเวลาโรงเรียนเข้า ผมต้องทนนั่งให้ไอ้พวกนี้เค้นคออีกนานแค่ไหนกันวะ!! '.. ถ้ากาลเวลาอาจจะล่วงเลยพ้นผ่าน กาลเวลายาวนานเธอลืมเลือนฉันบ้างไหม~' เสียงริงโทนท่อนฮุคเพลง คิดถึงฉันรึเปล่า ของวง cocktail ที่ไอ้โอมใช้มานานสามเดือนกว่า (จนผมเริ่มเบื่อ) ดังขึ้นเหมือนเป็นกระดิ่งหมดยกนักมวย เฮ้อ.. ในใจแอบโล่งโคตร ๆ ที่ไม่ต้องทนฟังมันกวนประสาทต่อ ผมยิ้มเย้ย ๆ ใส่มันก่อนจะก้มลงหยิบสมุดการบ้านใต้โต๊ะมาเช็คดูความเรียบร้อย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นว่าคนเป็นฝ่ายยิ้มเยาะกลับมา กลายเป็นมันซะฉิบ "แม่มึงโทรมาว่ะ" ไอ้ห่า.. ใครวะแม่กู? ผมขมวดคิ้วมองหน้าจอมือถือ LG มันอย่างใคร่รู้ ก่อนจะตาแทบเหลือถลน "มึงบอกไปว่าไม่ได้อยู่กับกู" "ไรวะ แฟนมึงเองแท้ ๆ ทำเป็นหยิ่ง ยูริเค้าไม่น่ารักตรงไหน" ก็ไม่ได้ชอบจะให้ทำไงเล่า!! อีกอย่าง ผมไม่ถนัดกับการที่มีผู้หญิง หรือใครสักคน มาวิ่งไล่ตามแบบนี้ด้วย ไอ้โอมเมื่อไม่ได้คำตอบอะไรจากปากผม มันจึงทำแค่ยักไหล่อย่างไม่สนใจแล้วกดรับสายโทรศัพท์ที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมตบไหล่มันอีกสองทีเป็นการกำชับให้ทำตามแผน ส่วนมันก็ได้แต่ปัด ๆ มือผมออกเหมือนจะบอกว่า รู้แล้วแหละน่า.. "ครับ... โน่... ไม่อยู่ครับ ยังไม่เจอกันเลย" ดีมาก ดีมาก.. "อะ............... แหะ ๆๆ........ เก่งจังครับ แป๊บนึงนะ" เฮ้ย!? "แม่มึงรู้ทันว่ะ" มันใช้มือป้องลำโพงมือถือแล้วกระซิบกระซาบคำที่ผมไม่ค่อยอยากฟัง.. ไม่รู้ทำไม.. ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผู้หญิงคนนี้เป็นรู้ทันผมเสมอ
สุดท้ายคนที่ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรับเอาโทรศัพท์เครื่องเหลี่ยมสีดำมาคุยคือผมนั่นเอง "ครับ ว่าไง?" "ทำไมยูริโทรหาโน่ไม่ติดเลยล่ะคะ" เสียงเริงร่าจากปลายสายดังตอบโต้ผมโดยที่มีเสียงรอบข้างเอะอะดังลั่น นี่เธอคงจะถึงโรงเรียนแล้วล่ะมั้ง ผมคิดและได้แต่ฉีกยิ้มแหย ๆ ให้โทรศัพท์ "มือถือผมแบตหมดน่ะ" "เมื่อคืนก็ไม่ออนไลน์นะ" "ก็ผมไปนอนบ้านเพื่อนมา.... ยูริมีอะไรจะคุยกับผมรึเปล่า" รีบเข้าประเด็นซักทีเถอะครับ! "อ๋อ... ฮิฮิฮิ" เสียงที่เธอหัวเราะกลับมานั้นฟังดูไม่น่าไว้ใจชอบกล ตอนนี้ผมรู้สึกเหงื่อตก แม้ในห้องเรียนจะเปิดแอร์เย็นเจี๊ยบอยู่ก็เถอะ "เย็นนี้ไปกินข้าวกันนะโน่..." ว่าแล้วไง.. "เย็นนี้ผมต้องเข้าชมรม คงเลิกเย็น ๆ เลยน่ะ" "ไม่เป็นไร ยูรอที่สยามนะ ร้านบ้านหญิง ชั้นสองเหมือนเดิม" คิดเหมาเอาเองเสร็จสรรพ นี่แหละยูริ... ตัวผมเองก็เป็นพวกปฏิเสธคนไม่เก่งเสียด้วย โดยเฉพาะกับยูริแล้ว ยิ่งปฏิเสธยากเข้าไปใหญ่ (จะว่าไปผมก็ปฏิเสธไอ้ปุณณ์ไม่เป็นเหมือนกันนี่หว่า) "อาจจะโผล่ไปคํ่าหน่อยนะ.." ทำได้ดีที่สุดก็แค่นี้แหละครับ -_-" "ไม่เป็นไรค่ะ ยูไม่รีบ แล้วเจอกันนะ" เสียงเริงร่าของเธอเอ่ยลาก่อนสายจะถูกตัดไป จริง ๆ แล้วยูริก็เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลยล่ะ เธอไม่เรื่องมาก ไม่งอแง ไม่เอาแต่ใจเหมือนผู้หญิงคนอื่น ติดแต่จะชอบคิดเหมาเอาเองก็เท่านั้น อย่างตอนนี้ที่ผมมีสถานะเป็น 'แฟน' ของเธออยู่นี่ก็เหมือนกัน ผมยังไม่ยักจำได้เลยแหะว่าเราไปตกลงกันตั้งแต่ตอนไหน? รู้แต่ว่า.... รู้ตัวอีกทีก็มี 'แฟน' เป็นยูริซะแล้ว
แต่ก็เอาเถอะ ไม่ได้เสียหายอะไร ยูริก็น่ารักดี คุณพ่อเธอเป็นชาวญี่ปุ่น เธอจึงเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นน่ะครับ ขาว ๆ หน้าใส ตาโต (อืม.. มีเขี้ยวด้วย) พูดจ้อได้ทั้งวันโดยไม่มีวี่แววจะเหนื่อย บางทีผมก็รู้สึกว่าเธอช่างสดใส และน่ารำคาญในเวลาเดียวกัน แหะ ๆๆ.. วันนี้โผล่ไปเจอซักหน่อยก็แล้วกัน ไม่ได้เจอเป็นอาทิตย์แล้วนี่... เดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมไม่ดูแลแฟน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น