เช้าวันเสาร์ ผมเป็นคนแรกที่ลืมตาขึ้นมา..... บอกว่ากอดได้มันก็กอดจริง
ๆ วุ๊ย!! แถมมือแม่งยังเหนียวเป็นตุ๊กแกเลยสาด... ผมเหลือบตามองแขนมันพลางสงสัยว่าตัวเองทนนอนนิ่ง ๆ ให้มันกอดไปได้ยังไง ไม่น่าเชื่อ
(ปกติเป็นต้องดิ้นซะที่นอนกระจุยไปแล้ว) ผมแหงนหน้ามองไอ้ตัวที่มันกอดผมเอาไว้แน่นอย่างกับผมเป็นเมียมัน...
เฮ้ย! เปรียบเทียบงี้ไม่ดี ๆๆ.. เทคสอง!.. ผมแหงนหน้ามองไอ้ตัวที่กอดผมเอาไว้แน่นอย่างกับผมเป็นลูกหนี้มัน
อ้าว... แบบแรกดีกว่าเรอะ? ช่างเหอะ...
เหมือนกันแหละ สรุปว่ามันกอดผมแน่นมาก คือผมพยายามแหงนหน้าแหงนมองมันจากปลายคาง
แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ (เมื่อย) จะรู้สึกก็แค่ลมหายใจจากสันจมูกโด่งที่สมํ่าเสมอกันเหมือนคนยังไม่ตื่นนอนของปุณณ์....
อืม.. ชักร้อนตะหงิด ๆ แหะ แอร์ก็ปรับซะจนเหมือนไม่ได้เปิด
ผมกระชับกอดไอ้ปุณณ์มากขึ้นนิดหน่อยเพื่อวัดอุณหภูมิ (อย่าคิดไกล)
อืมม.... มันเย็นขึ้นกว่าเมื่อวานเยอะเลยครับ ถึงแม้จะยังตัวรุม
ๆ อยู่บ้าง แต่สังเกตจากเหงื่อที่ซึมบริเวณหน้าอกก็รู้ว่าไข้กําลังลงเรื่อย ๆ ขอตัวไปทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีก่อนแล้วกัน...
ผมคิดพลางขืนร่างกายจากแขนแกร่งนั่นเล็กน้อย แต่เพียงแค่ขยับหน่อยเดียว
ปุณณ์ก็รู้สึกตัวทันที "หืม.....?" "ปล่อยก่อน เดี๋ยวกูมา" ผมบอกขณะพยายามมุดเอาตัวเองออกไปนอกวงแขน
แต่เจ้าของมันไม่ยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระว่ะ "ไปไหนอะ.."
ป่วยแล้วยังจะเจ้าปัญหา -_-"... ผมเหล่ตามองมันอย่างขัดใจ
"ปล่อยน่า...." 70
แน่นอนว่าพอมันได้ยินเสียงผมดุขนาดนั้นก็รีบปล่อยทันที
ฮ่า ๆ...
ปุณณ์ ภูมิพัฒน์ หรือจะสู้ โน่ ผู้ยิ่งใหญ่ได้ ไม่มีทาง ๆๆ ผมกลิ้งออกจากอกของมันพลางหอบหายใจนิดหน่อย
ลองมาถูกคนรัดซะแน่นไว้ทั้งคืนแบบนั้น เป็นใครก็ต้องอึดอัดเหมือนกันนั่นแหละครับ!
หลังจากที่ปรับอุณหภูมิให้ร่างกายตัวเองให้เข้าที่แล้ว ผมจึงมีแรงพอจะลากขาออกไปนอกห้องนอนนั่นแหละ
"พักไป เดี๋ยวมา!" กลับมาไม่เห็นนอนอยู่ล่ะก็น่าดู!!!
*** "อ้าวน้องโน่ วันนี้ตื่นเร็วจังค่ะ" พี่แอน ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เลี้ยงของผมเองครับ... ทักผมเสียงสดใสแต่เช้าเลย....
ว่าแต่มันเช้าจริงหรือเปล่าหว่า -_-" ผมแหงนมองนาฬิกาบนกําแพงบ้านบอกเวลาสิบโมงกว่า...
แหม... ก็ตื่นเร็วจริง ๆ แหละ ปกติผมตื่นบ่าย ฮ่า
ๆๆ สงสัยจะร้อนจนต้องรีบตื่น -_-" "พี่แอนมีไรกินมั่งอะ"
มาถึงต้องถามหาของกินอย่างแรก พี่แอนจะได้รู้ว่านี่น้องโน่ตัวจริง แต่ถามไปไม่ได้ดูเล๊ยยย
ว่าพี่แอนถือตระกร้าผ้าถังใหญ่อยู่ แฮะ ๆๆ... บ้านผมไม่ได้มีคนงานยั้วเยี้ยเหมือนบ้านไอ้ปุณณ์หรอกฮะ
บ้านผมก็มีแค่พี่แอนกับพี่อิมนี่แหละที่คอยเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก จนสนิทกันเหมือนพี่น้องไปแล้ว..
ว่าแต่... วันนี้พี่อิมหายไปไหนหว่า....?
"เมื่อเช้าอิมมันซื้อหมูแดดเดียวมาจากตลาด ว่าจะทอดแล้วก็ต้มซุปให้น้องโน่น่ะค่ะ
แต่ตอนนี้มันหายไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยเม้าอยู่กับป้าแดงแผงส้มตำ" พี่แอนว่าพลางเก็บผ้าเช็ดตัวที่ครอบครัวผม (ใครสักคน)
พาดทิ้งไว้บนโซฟา (คงจะของผมเองแหละ แฮะ ๆ)
71
"แต่ขอพี่แอนเอาผ้าลงเครื่องก่อนแป๊บนึงนะคะ
แล้วเดี๋ยวกลับเข้ามาทำกับข้าวให้น้องโน่" "ไม่เป็นไรฮะ
ๆ เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ ไอ้นี่มันทำยังไงอะ?" ผมรีบตัดบทด้วยเพราะทั้งเกรงใจ
และคิดว่าไอ้ขี้ป่วยอย่างข้างบนนั่น น่าจะได้กินอะไรที่เบากว่าหมูแดดเดียว ซองโจ๊กคนอร์ถูกคว้ามาพลิกไปพลิกมาอย่างสนใจ
"โจ๊กนั้นน้องโน่ก็เทลงหม้อ เทนํ้าตาม ตั้งไฟซักแป๊บประมาณ
4 นาทีคนจนข้าวมันพองขึ้นมาก็ทานได้แล้วค่ะ" เออ ฟังดูเหมือนง่าย? ตกลงเอาไอ้นี่แล้วกัน
"ขอบคุณฮะพี่แอน พี่แอนไปทำงานเถอะ เดี๋ยวไอ้นี่โน่จัดการเอง"
ผมพูดพร้อมกับยิ้มหวานให้พี่แอนได้เชื่อใจ... เอาเป็นว่าผมจะพยายามไม่เผาครัวแล้วกันนะ
เสียงนํ้าเดือดปุด ๆ ระหว่างที่ข้าวเริ่มพองขึ้นมาอย่างพี่แอนบอก.. ผมใช้ทัพพีคนมันไปมาพร้อมกับคิดว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้อีกซักหน่อย ว่าแล้วก็เดินไปหยิบไข่ไก่หนึ่งใบจากตู้เย็นมาตอกด้วยความประหม่า....
เกิดมาไม่เคยทำเลยนะโว๊ยเนี่ย!!!! และแล้วมันก็เปื้อนมือผมครับ
แต่ก็ออกมากลมสวยดี... นับว่าผมยังมีสกิลเยอะกว่าไอ้โอมมากนัก
เพราะไอ้ห่ารายนั้น โชว์ตอกไข่ทีไร แตกกระจายไม่รู้อันไหนไข่แดงไข่ขาวทู้กกที...
แหม ผมอาจจะแอบมีพรสวรรค์ด้านการทำกับข้าวก็ได้นะเนี่ยยย บางทีอาจจะลองลาออกไปเป็นเชฟดู...
เสียงใครด่าผมวะว่าตอกไข่ได้แค่นี้อย่าทำเป็นได้ใจ... ฮึ่มม แต่อย่างน้อย ๆ พอตอกไข่สวย ผมก็บังเกิดความมั่นใจมากขึ้นที่จะหยิบเอาหมูสับมาปั้นเป็นก้อนเล็ก
ๆ หย่อนลงไปตามแบบที่เคยเห็นพี่แอนทำตอนต้มแกงจืด โอ้ว.... น่ากินแบบนี้ผมกินเองดีกว่าปะวะ
72
ไม่ได้ ๆๆ ไอ้นั่นมันคนป่วย
ปล่อยมันกินโจ๊กไป ส่วนผมรอพี่อิมมาทอดหมูแดดเดียวกับต้มซุปให้ดีกว่า ฮ่า ๆ.... เปรมกว่ากันเยอะ
ผมคนข้าวไปมาพร้อมกับรอดูจนคิด(เอาเอง)ว่าหมูสุกแล้ว
จึงปิดเตาและเทลงชามที่เตรียมไว้... อะ ผักชีโรยหน้าซักหน่อย
สวยงามจริง ๆ ใครทำเนี่ย หมึกแดงยังอาย ผมยิ้มหึ ๆ มองผลงานตัวเองก่อนจะเดินเอาไปอวดพี่แอนที่หน้าเครื่องซักผ้า
(แต่ดูพี่แอนไม่ค่อยสนใจผมเลยอ่ะ!! ทำไมล่ะ!!
นี่ผลงานชิ้นเอกเชียวนะ!!) เสียดายที่พี่อิมไม่อยู่
ผมว่าจะเดินไปอวดที่แผงส้มตำแต่อากาศมันก็ร้อน ส่วนป๊ากับม๊าดันไปโรงงานซะอีก ว๊า.....
หรือผมควรจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก.... คิดไปคิดมา..
เอาไปอวดไอ้ปุณณ์ดีกว่า *** 'ปัง ๆๆๆๆๆๆๆๆ บู้มมมมมมมมมม
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เฟี้ยว ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ' ไอ้ห่า!!!!!!!!!
สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าเมื่อใช้เท้าถีบประตูห้องนอนเข้าไปคือ......
คนป่วยกําลังเล่นเกม! "สัด!! หายป่วยแล้วรึไง!!" อดด่าไม่ได้จริง ๆ ครับ ไอ้บ้านั่นมันนั่งขัดสมาธิไม่มองหน้าผมเอาแต่จ้องจอขนาด
29 นิ้วอยู่หน้าทีวี "ก็อยู่เฉย ๆ
มันเบื่อ... มึงทำเป็นกัดกูว่าไฮโซ มี XBOX... มึงแหละมี PS3 ของดีกว่ากูอีก ไม่เคยจะชวนเล่น"
มันว่าพลางกดจอยฆ่าปีศาจยิก... จนผมล่ะอยากจะเอาชามโจ๊กราดหัวมันซะจริง
ๆ "ไม่ได้ถามนี่หว่า.... ตกลงจะแดกไม๊เนี่ย
อุตส่าห์ทำมาให้ เอาไปทิ้งแม่ง" ดูเหมือนมันจะรีบหันมาทันที
ทั้ง73
ที่ยังไม่ทันได้ pause เกม.. สมนํ้าหน้ามึง โดนปีศาจฟันไปเลย 2 ที แต่ดูท่าทางมันจะไม่ได้สนใจเกมแล้วว่ะครับ ผมเห็นปุณณ์ปล่อยจอยเกมค้างทิ้งไว้อย่างนั้น
ก่อนจะรีบปรี่มาดูของดีในมือผม... ฮะฮ้าา น่ากินล่ะสิ
"ทำเองด้วยเหรอวะ!?" "แน่น๊อนนนน"
ผมอวดอย่างภูมิใจ พลางวางไว้บนโต๊ะเล็กแถว ๆ หน้าทีวีกับเครื่องเกม
"แดกซะ ถ้าไม่อร่อยก็นี่ แม็กกี้ ปรุงเอง" มันดูจะอะเมซซิ่งมากกับสิ่งที่ผมทำเกินไปแล้ว... ถึงกับรีบวิ่งมาคว้าช้อนตักชิมทันที
โถ... ไอ้โง่... "ร้อนอะ!!"
มึงนึกว่าตัวเองแดกนํ้าแข็งไสอยู่รึไง... ทีเรื่องอื่นล่ะฉลาดเป็นกรด
แดกโจ๊กแค่นี้ทำโง่ -_-"... ผมล่ะหน่ายจริง ๆ มันบ่นแต่ก็กินต่อเป็นคำที่สอง
(คราวนี้ฉลาดขึ้นมาหน่อยที่เป่าก่อนกิน) ก่อนจะวางช้อนลงแล้วดื่มนํ้าที่ผมเตรียมไว้ให้
"โด่.... โจ๊กคนอร์... กูหลงคิดว่ามึงนั่งเคี่ยวข้าวให้ อุตส่าห์ซึ้งใจ" "โห..... ได้คืบจะเอาศอก กูทำแค่นี้ก็เหนื่อยแล้วโว๊ย!!
นั่นน่ะ ตอกไข่ ใส่หมู โรยผักชีให้ด้วย เห็นป่าว ๆๆๆ" แน่นอนว่าผมภูมิใจมากครับ ฮ่า ๆ "เออ เห็น ๆ ขอบใจมาก
อร่อยดี" บอกอร่อยแต่เสือกเหยาะแม็กกี้หน้าตาเฉย สัด...
จริงใจกับกูชิบหาย ผมไม่ยืนมองมันกินนานหรอก (เดี๋ยวหิว)
ดูแค่แป๊บ ๆ ก็หลบไปนั่งเล่นเกมต่อจากมัน.... แหม
เข้าใจเลือกแผ่น Devil may cry 4 นี่ผมเล่นมาสองเดือนแล้ว ยังไม่ผ่านซักทีเลยว่ะ
ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองขี้เกียจเล่น หรือโง่กันแน่ 74
ผมนั่งรับช่วงกดจอยเกมต่อจากมัน
ขณะที่หูได้ยินเสียงมันเรียกผม "แล้วโน่ไม่กินเหรอ?"
"ไม่อะ....." ผมกดจอยเกมยิก
"ไม่หิวเหรอ?" "นิดหน่อย ไม่เป็นไร
รอบ่าย ๆ" เปล่าไดเอทครับ แต่รอพี่อิมมาทำให้ต่างหาก ฮี่
ๆๆ เสียงรบกวนจากไอ้ปุณณ์เงียบไป ก่อนที่รู้สึกตัวอีกที มันก็หอบชามโจ๊กมานั่งอยู่ข้างผมแล้ว
ผมเหล่ตามองมันที่ยกชามมานั่งใกล้ ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเกมกําลังติดพัน กระทั่งมีปลายช้อนตักโจ๊กมาจ่ออยู่ตรงหน้านั่นแหละ
ผมถึงได้รู้สึกตัว "เฮ้ย!? อะไร?"
"กินด้วยกันเด่ะ มันเยอะอะ กินไม่หมด" "เยอะตรงไหนวะ..." "เหอะน่า" เห็นมันเซ้าซี้มาก ๆ เข้าผมก็อ้าปากรับโจ๊กจากมันอย่างช่วยไม่ได้ (จริง ๆ คือหิวเหมือนกัน) แหม.... อร่อยดีนะ โจ๊กคนอร์ฝีมือผมเนี่ย อิอิ เป็นเวลาพักหนึ่งที่เราสองคนนั่งกินโจ๊กและเล่นเกม(ผมคนเดียวที่เล่นเกม)เงียบ ๆ... ปุณณ์กินเองคำนึง ก่อนจะป้อนผมคำนึง เป็นอย่างนี้ไม่ขาด... จนกระทั่งจำนวนของโจ๊กในชามเริ่มจะพร่องลงไป 75
แน่นอนว่าไอ้คนเล่นเกมไป
อ้าปากรับโจ๊กไปอย่างผมมันก็ค่อนข้างจะทุลักทุเลเป็นธรรมดา... ผมพยายามจะเลียขอบปากที่รู้สึกได้ว่าเปื้อนโจ๊กแต่ก็เลียไม่ถึง
จนไอ้ปุณณ์มันคงสมเพชความพยายามโง่ ๆ ของผม จึงได้ส่งเสียงหัวเราะ แล้วยื่นมือมาใช้ปลายนิ้วเช็ดบริเวณนั้นให้
ผมหันกลับไปหมายจะขอบคุณมัน (ว่อกแว่กแค่นี้เกมไม่โอเว่อร์หรอก
ผมเก่ง) แต่กลับพบว่าใบหน้าเราต่างอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ.......
แน่นอนว่าผมตกใจโคตร ถึงกับอุทานแล้วถอยหน้าหนีออกมา "ไอ้สัด! กูตกใจหมด" แต่มันไม่ด่าผมกลับเลยสักนิด...
สิ่งที่เห็นคือมือข้างหนึ่งของปุณณ์ค่อย ๆ วางชามโจ๊กลง ก่อนที่ใบหน้าจริงจังนั้นจะเขยิบใกล้เข้ามา
เผยให้ผมเห็นโครงหน้ามันชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ปากผมอยากจะด่าอีก แต่กลับรู้สึกเหมือนถูกดวงตาคมสีนิลคู่นั้นสะกดไว้จนไม่อาจขยับส่วนไหนได้อย่างประหลาด
นอกจากหัวใจ ที่ทั้งเต้นแรงและรัวเร็ว... ด้วยความรู้สึกอยากรู้และสงสัยรวมกันอยู่
ปนมั่วไปหมด ห้องที่เคยเสียงดังครึกโครมแปรเปลี่ยนเป็นความสงบ เมื่อผมไม่สามารถมีสติสนใจสิ่งใดได้อีก..
ใบหน้าคมของปุณณ์ขยับใกล้เข้ามา.. ผิวขาวเหลืองตรงหน้าเริ่มกลายเป็นสีแดงเรื่อ
ทั้งที่ปุณณ์ไข้ลดลงแล้ว.. ผมรู้สึกได้ถึงริมฝีปากสีส้มที่สั่นระริกอยู่ห่างจากริมฝีปากของผมไม่ถึงเซ็นต์
ขณะที่ปลายจมูกเราสัมผัสกันผะแผ่ว นำให้หนังตาผมค่อย ๆ ปิดตัวมันเองลงอย่างช้า ๆ...........
76
แต่สานึกอื่นกลับตื่นขึ้นมา!! ท่าทางแบบนี้คืออะไร!?
ผมที่กําลังสับสนอย่างหนักผลักปุณณ์จนกระเด็น
ดูท่าทางมันจะตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่เกือบจะเกิดขึ้นเมื่อกี้เช่นเดียวกัน เราต่างนั่งมองอีกฝ่ายด้วยแววตาตระหนกครู่หนึ่ง
ก่อนที่ผมจะเป็นคนหันหนี
"กู........ ไปเอายามาให้มึงกินก่อน..
เดี๋ยวไม่หาย" ผมไม่สนใจหาคำตอบ ว่าสาเหตุที่ทำให้หัวใจของผมกําลังเต้นแรงแบบนี้คืออะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น